ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในช่วงสามเดือนข้างหน้าจากการสำรวจพบว่า ดัชนีโดยรวมอยู่ที่ระดับ 58.85 จุด ลดลงจากการจัดทำเดือนกรกฎาคมเช่นกันแต่ยังมีค่าดัชนีสูงกว่า 50 จุด ทำให้เชื่อว่ากลุ่มตัวอย่างยังคงมีมุมมองระยะกลางต่อราคาทองคำในเชิงบวก โดยมองปัจจัยสนับสนุนประเด็นใกล้เคียงกันคือความเสี่ยงจากภัยสงคราม ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเงินบาท
ด้านนายทรรศนะ บุญขวัญ เผยบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) พบว่า ผู้ค้าส่วนใหญ่มีมุมมองในเชิงบวกต่อราคาทองคำในช่วงเดือนสิงหาคม โดยมีผู้ค้า 5 รายมองทองคำเพิ่มขึ้น 3 รายมองราคาทองลดตัวลงระหว่างเดือน ขณะที่อีก 2 รายมองใกล้เคียงกับเดือนกรกฎาคม
โดยผู้ค้ามองว่าราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะมีกรอบราคาสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,330-1,340 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,240-1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดที่ 20,300-20,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดอยู่ที่ 19,100-19,300 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยทองคำได้จัดทำแบบสำรวจสัดส่วนการซื้อขายทองคำในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาการซื้อขายทองคำเป็นทองคำแท่งประมาณ 59% และเป็นทองคำรูปพรรณประมาณ 41% ขณะในปี 2556 พบว่าสัดส่วนเป็นทองคำเป็นทองคำแท่งประมาณ 65% และเป็นทองคำรูปพรรณประมาณ 35% สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมการเลือกซื้อขายทองคำในประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายทองคำรูปพรรณ สำหรับการซื้อขายทองคำในช่องครึ่งแรกของปี 2557 มีสัดส่วนซื้อขายทองคำเป็นทองคำแท่งประมาณ 50% และเป็นทองคำรูปพรรณประมาณ 50% ใกล้เคียงกัน