ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก"สนธิ"กับพวก 20 ปี กรณีทำผลประชุมเท็จกู้แบงก์พันล้าน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 7, 2014 11:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวกอีก 2 คน ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหาร บมจ.แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป(MGR) ฐานร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ คนละ 20 ปีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

"ศาลชั้นต้นฟังได้ว่าจำเลยที่1, 3, 4 มีเจตนาทุจริต อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกประเด็น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืน" คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ระบุ

คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ จำเลยที่ 1, นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 2, น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 3 และ น.ส.วยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ.แมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 4 ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

คำฟ้องโจทก์ระบุว่า ช่วงวันที่ 29 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2540 จำเลยทั้ง 4 ได้ร่วมทำสำเนารายงานการประชุมของกรรมการบริษัทที่เป็นเท็จว่ามีมติให้บริษัท แมเนเจอร์ฯ เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัท เดอะ เอ็มกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือหุ้น กับธนาคารกรุงไทย รวม 6 ครั้ง จำนวนเงิน 1,078 ล้านบาท โดยจำเลยที่ 1 และ 3 ไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุมกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ฯ

นอกจากนี้ ช่วงวันที่ 30 เมษายน 2539 จนถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541 จำเลยทั้ง 4 ยังร่วมกันยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงตัดทอนทำบัญชีไม่ตรงกับความเป็นจริง และยังไม่ได้นำภาระการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวซึ่งถือเป็นรายการที่ทำให้รายได้ของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ เปลี่ยนแปลงผิดปกติ ซึ่งต้องแสดงรายการไว้ในงบการเงินประจำปี 2539-2541 และจะต้องนำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ให้ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว

เหตุเกิดที่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา และแขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม.เกี่ยวพันกัน ซึ่งในการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 85 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยที่ 4 กระทำความผิดรวม 13 กระทง ลงโทษกระทงละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 65 ปี

อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นเวลา 42 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 4 จำคุก 32 ปี 6 เดือน แต่โทษสูงสุดในความผิดฐานดังกล่าว กฎหมายกำหนดให้ลงโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี จึงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 20 ปี ขณะที่จำเลยที่ 2 ไม่ติดใจอุทธรณ์

รายงานข่าว แจ้งว่า หลังศาลอาญาอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวจำเลยไปยังห้องคุมขังใต้ถุนศาล ซึ่งขณะนี้ทนายความกำลังยื่นคำร้องและใช้หลักทรัพย์เดิมเป็นเงินสด 10 ล้านบาทเพื่อขอให้ศาลอนุญาตประกันตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ