"ศุภชัย" รับศก.ปีนี้โตไม่ตามหวัง แต่ปีหน้าอาจโตกว่า 5%จากลงทุนภาครัฐหนุน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 20, 2014 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก(WTO) และเลขาธิการที่ประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(อังค์ถัด) เปิดเผยภายหลังการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ฝ่าคลื่นเศรษฐกิจยุคใหม่สู่การค้าที่ยั่งยืน" เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์ครบรอบ 94 ปี วันที่ 20 ส.ค.ว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แนวทางที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะการเน้นการลงทุนของภาครัฐ ในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะจะกระตุ้นให้การลงทุนและความเชื่อมั่นของเอกชนมีมากขึ้น เนื่องจากการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวไม่มากนัก และไม่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้มาก รวมถึงการผลักดันให้เกิดการค้าชายแดนมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเช่นกัน
"เศรษฐกิจไทยปีนี้ คงหวังจะได้เห็นการขยายตัวมากอย่างที่คิดไว้ยาก เพราะการลงทุนของภาครัฐเพิ่งจะเกิดการลงทุนในไตรมาส 3 ซึ่งล่าช้ามาก ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังทรงตัว การส่งออกคงขยายตัวไม่มากนัก แม้กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ เพราะตลาดไม่เอื้ออำนวย มองว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้จากการลงทุนภาครัฐเป็นตัวนำ และการค้าขายของไทยกับอาเซียน รวมถึงประเทศที่มีศักยภาพ อย่างจีน และอินเดีย คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะบวก แต่บวกเท่าไรคาดไม่ได้ ส่วนปีหน้าน่าจะเป็นบวกได้แน่ 5% อาจจะได้เห็นหรืออาจจะมากกว่า 5% ด้วยซ้ำ" นายศุภชัย กล่าว

ส่วนเศรษฐกิจของยุโรปนั้น ขณะนี้มีหลายคนมองว่าเศรษฐกิจยุโรปอาจเกิดการถดถอยลงเป็นครั้งที่ 3 เพราะเศรษฐกิจประเทศหลักๆ เช่น เยอรมนียังไม่ฟื้นตัวดี ขณะที่เศรษฐกิจภาพรวมของยุโรปอาจจะไม่ขยายตัว จากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1% ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของไทยที่จะเข้าไปลงทุนหรือไปร่วมทุนกับธุรกิจในยุโรปอย่างในธุรกิจเหล็ก พลังงาน หรือการเงิน

สำหรับค้าโลกในปัจจุบันนั้น นายศุภชัย เห็นว่า การแข่งขันยากมากขึ้น เพราะกฎระเบียบและข้อจำกัดทางการค้าและการลงทุนมีมากขึ้น ทำให้การค้าและการลงทุนแคบลงมาก ซึ่งจากข้อมูลที่ทำการสำรวจร่วมกันระหว่างอังค์ถัด, WTO และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา(OECD) พบว่า กฎข้อบังคับการค้า การลงทุนที่ประเทศต่างๆ นำออกมาใช้มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 50 พบมาตรการจำกัดการลงทุน และการค้า มีเพียง 3% เท่านั้น ดังนั้น WTO ต้องเข้ามามีบทบาทในการจัดระเบียบกฎ และระเบียบต่างๆ ที่หลายประเทศนำออกมาใช้กีดกัน

"WTO จำเป็นต้องมีเข้าไปกำกับตลาดมากขึ้น ดูแลกฎระเบียบมากขึ้น ถ้าการเจรจารอบโดฮาร์ที่ยาวนานกว่า 10 ปีจบลงได้ รอบหน้า หากมีการเปิดการเจรจา WTO จำเป็นต้องเจรจาประเด็นต่างๆ ใน Singapore Issue เช่น ความโปร่งใสในการจัดซื้อของรัฐ เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก ผมดีใจมากที่ได้ยินปลัดกระทรวงพาณิชย์ประกาศให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเขตปลอดคอรัปชัน นอกจากนี้ ยังต้องพูดถึงนโยบายที่จะทำให้เศรษฐกิจเป็นสีเขียว ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเสมอภาค ไม่ใช่โตแต่พวกเรา คนอื่นไม่โต หรือโตเป็นรายอุตสาหกรรม หรือโตแต่เฉพาะในเมืองเท่านั้น" นายศุภชัย กล่าว

ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการใน 4 ประเด็น เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1.การพัฒนาคน โดยเพิ่มทักษะด้านวิชาชีพ เพราะแรงงานยังมีมาตรฐานต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่ยังด้อยกว่ามาก ทำให้คนไทยไม่พัฒนาเท่าที่ควร รวมถึงต้องยกระดับนักศึกษาอาชีวะให้สูงขึ้น เพื่อดึงดูดให้มีคนเข้ามาเรียนมากๆ โดยต้องยกระดับศักดิ์ศรี รายได้

2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในด้านเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่ในด้านภูมิศาสตร์เหมือนอย่างปัจจุบัน เช่น การเปิดด่านตามแนวชายแดน อาจเปิดตลอด 20 ชั่วโมง หรือมีเวลาเปิดด่านให้ยายนานขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจตามแนวชายแดนเติบโตได้มากขึ้น

3.การพัฒนาสถาบันด้านกฎหมาย ที่จะต้องทำให้เกิดความโปร่งใส และมีธรรมาภิบาลมากขึ้น และ 4.ต้องผลักดันให้อาเซียนสามารถเจรจาจัดทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน และคู่เจรจาทั้ง 6 ประเทศ (อาร์เซพ) ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะจะทำให้เศรษฐกิจอาเซียน และอีก 6 ประเทศขยายตัวได้มากขึ้นและเร็วขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ