สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 6 ด่านนั้นจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขอแปรญัตติงบประมาณปี 2558 มาดำเนินการ ซึ่งจะนำแผนงานเข้าไปสู่กระบวนการแปรญัตติของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ที่มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เป็นประธานในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ซึ่งหากการแปรญัตติงบประมาณปี 2558 ได้ไม่ครบตามจำนวนที่เสนอไป อาจจะเสนอเป็นงบกลางปีต่อไป
นางสร้อยทิพย์ กล่าวว่า ปัจจุบันทั้ง 6 ด่านมีความหนาแน่นและแออัด โดยเฉพาะด่านสะเดา แม่สอด และคลองลึก ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีแผนงานระยะเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหา เช่น ด่านแม่สอด มีการถนนจากตะนาวศรี-กอกอแระ(พม่า) เพราะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญ ซึ่งกรมทางหลวงกำลังก่อสร้างจะแล้วเสร็จเดือน ก.ค.58 ส่วนทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงตาก-แม่สอด ตอน1 ก่อสร้างเสร็จแล้ว ตอน 2-3 อยู่ระหว่างก่อสร้าง ดังนั้น จะเหลือตอน 4 ระยะทาง 25.5 กม.วงเงิน 1,400 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขอแปรญัตติใช้งบปี 2558 เพื่อให้ถนนสมบูรณ์ เนื่องจากการค้าชายแดนที่ด่านแม่สอด มีมูลค่าสูงมากรวมถึงสะพานข้ามแม่น้ำเมย ระยะทาง 22.4 กม. การออกแบบจะเสร็จเดือน ก.ย.นี้ เป็นไปได้อาจจะขอแปรญัติเพื่อเริ่มก่อสร้างให้ได้ในปี 58
ส่วนกรมทางหลวงชนบท(ทช.) จะดำเนินการถนนในตัวเมืองแม่สอด ซึ่งจะขอแปรญัตติงบปี 58 กว่า 600 ล้านบาท รวมถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เสนอของบศึกษารถไฟสาย นครสวรรค์-กำแพงเพชร-แม่สอด วงเงิน 30 ล้านบาท
"ปัญหาที่ด่านแม่สอดตอนนี้ยังมีด่านศุลกากรที่แออัดมา ทางสภาพัฒน์ฯ เสนอให้แยกด่านศุลกากรในส่วนของรถสินค้ามาขอใช้พื้นที่ด้านหน้าของสนามบินแม่สอดกว่า 90 ไร่ ชั่วคราวโดยอยู่ห่างจากด่านปัจจุบัน 2 กม.เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยและให้กรมศุลฯไปจัดทำแผนรายละเอียดรวมถึงการทำความเข้าใจกับผู้ใช้บริการ" นางสร้อยทิพย์ กล่าว