ดังนั้น มองว่าจากสถานการณ์ดังกล่าวการลงทุนโดยถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์จะปลอดภัย จึงมองว่าโอกาสที่ราคาทองคำจะแตะระดับ 1,390-1,400 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ในช่วงครึ่งปีหลังก็มีความเป็นไปได้ โดยราคาทองคำจะมีแรงซื้อเข้ามาทันทีทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ต่างๆของโลก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำจะยังไม่เป็นขาขึ้นใหญ่รอบใหม่ เนื่องจากถูกกดดันด้วยการลดขนาดมาตรการผ่อนคลายของเฟดและแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐอาจถูกปรับขึ้นในอนาคต
“แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในทองคำช่วงครึ่งปีหลัง 2557 ดังนี้ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้เล่นเก็งกำไร โดยซื้อที่แนวรับและขายออกที่แนวต้าน ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสม เมื่อราคาปรับตัวลงมาในกรอบ 1,180-1,280 เหรียญต่อทรอยออนซ์ พร้อมทั้งให้กรอบราคาทองคำในปีนี้ไว้ที่ 1,180-1,400 เหรียญต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากในระยะยาวราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากที่ธนาคารกลางต่างๆ ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง"นายสัญญา กล่าว
นอกจากนี้ นายสัญญา ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดตราสารอนุพันธ์ในครั้งปีหลังว่า จากตลาดหุ้นเป็นช่วงขาขึ้น ทำให้ความน่าสนใจใน SET50 Index Futures และ Single Stock Futures มีมากขึ้น โดยเฉพาะ Single Stock Futures ในหุ้นหลายๆตัวที่ราคาต่ำกว่า 10 บาท ที่มีขนาดสัญญามูลค่าไม่สูง เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยได้เข้ามาใช้ประโยชน์ของอัตราทดสร้างผลตอบแทนได้สูง อีกทั้งทางโกลเบล็กเองก็เปิดให้บริการการทำ Block Trade หรือการรับบริการจับคู่สัญญา Single Stock Futures ในสินค้าที่บนกระดานอาจขาดสภาพคล่อง
นอกจากนี้ทางโกลเบล็กก็มีการเตรียมโปรแกรมการซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์ตัวใหม่ที่จะช่วยให้นักลงทุนที่ชอบการเขียนสูตรเพื่อส่งคำสั่งอัตโนมัติเวลานักลงทุนไม่สามารถเฝ้าหน้าจอได้ เพื่อเพิ่มช่องทางที่จะทำให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสในการลงทุนสินค้าอนุพันธ์
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังมีโครงการเปลี่ยน GOLD FUTURES เป็น GOLD spot หรือ การให้บริการแลกทองคำที่ร้านค้าทองสำหรับผู้ซื้อขาย Gold Futures อย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุน สามารถแลกทองคำได้ในราคาพิเศษกับร้านค้าทองที่เข้าร่วมโครงการ 7 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการซึ่งได้แก่ โบรกเกอร์โกลเบล็ก และโบรกเกอร์ทองคำอีก 6 แห่ง โดยเริ่มต้นตั้งแต่สัญญา Gold Futures ที่หมดอายุในเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป