"การส่งออกของไทยเดือนกรกฎาคม 2557 กลับมาหดตัวโดยมีปัจจัยหลักมาจากการหดตัวในสินค้าทองคำ และน้ำมัน ตามความต้องการลงทุนสินค้าทองคำในตลาดโลกที่ลดลงและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ทำให้จีนมีความต้องการใช้น้ำมันลดลง" นางดวงกมล กล่าว
ขณะที่การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.57) มีมูลค่าการส่งออกรวม 131,600.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 132,466.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศช่วงดังกล่าวขาดดุลรวม 865.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับภาวะการค้าระฟว่างประเทศในเดือน ก.ค.57 นั้น การส่งออกทองคำและน้ำมันหดตัว โดยทองคำหดตัวสูงจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัว ทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อความต้องการลงทุนทองคำในตลาดโลกลดลง ประกอบกับฐานมูลค่าส่งออกทองคำช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกน้ำมันลดลงเป็นเหตุมาจากตลาดหลักอย่างสิงคโปร์และจีนนำเข้าลดลง 17.3% และ 36.4% ตามลำดับ โดยทั้งสองประเทศมีสัดส่วนคิดเป็น 35% ของมูลค่าการส่งออกน้ำมันรวม เนื่องจากภาคการผลิตในตลาดจีนชะลอตัว รวมทั้งโรงกลั่นน้ำมันในจีนปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นทำให้จีนนำเข้าน้ำมันลดลง
ขณะที่อัตราการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยในภาพรวมขยายตัว 1.0% โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ 3.6% กลุ่มยานพาหนะและส่วนประกอบฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเป็นเดือนที่ 2 ที่ 10.3% รวมทั้งกลุ่มสินค้าเม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ และกลุ่มสิ่งพิมพ์ กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ขยายตัวที่ 10.0%, 1.1% และ 3.3% ตามลำดับ
แต่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการยังมีการปรับตัวลดลง ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบหดตัว 10.9% จากการชะลอตัวจากคำสั่งซื้อที่ลดลงในตลาดออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และอินเดีย เนื่องจากผ่านพ้นฤดูร้อนไปแล้ว ส่วนการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าที่หดตัว 5.5% เนื่องจากมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดที่สำคัญลดลง ได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และจีน รวมทั้งสินค้าผลิตภัณฑ์ยาง 2.0% จากการที่ตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาหันไปนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันตลาดญี่ปุ่นยังมีการเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนสินค้าในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวที่ 1.4% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม จากการขยายตัวของการส่งออกในหลายสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะ ข้าว ผัก ผลไม้สด แช่แข็งและแปรรูป และไก่สดแช่แข็งและแปรรูปที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งสินค้ากลุ่มอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปและน้ำตาล ที่กลับมาขยายตัวเป็นเดือนแรกในรอบกว่า 17 เดือนและ 7 เดือนตามลำดับ
ขณะที่สินค้าส่งออกที่ยังคงหดตัว ได้แก่ ยางพาราหดตัว 23.4% จากปัจจัยราคายางพาราตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากการขยายตัวของอุปทานยางพาราในตลาดโลก ขณะที่อุปสงค์ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร อีกทั้งจีนหันไปนำเข้ายางพาราจากเวียดนามเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังกลับมาหดตัวจากการที่ จีน ประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ของไทย ลดการนำเข้ามันสำปะหลังมันอัดเม็ดและมันเส้นลง เนื่องจากปัญหาเรื่องคุณภาพมันเส้น และวัตถุเจือปน