เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ 32.26/27 อ่อนค่าตามภูมิภาคจากดอลลาร์แข็งค่า

"เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าสูงสุดในรอบเดือน เป็นผลต่อเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า" นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยที่ตลาดจับตาขณะนี้คือผลประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ว่าจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์อย่างไร ขณะเดียวกันยังมีกระแสเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นักบริหารเงิน ประเมินทิศทางเงินบาทในนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.20-32.30 บาท/ดอลลาร์

"บาทอ่อนค่ามาหลายวันแล้ว ถ้า moment ดอลลาร์แข็งค่าจบบาทก็มีโอกาสที่จะกลับมาแข็งค่าจาก flow ที่ไหลเข้า" นักบริหารเงิน กล่าว

• ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.22 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 107.18 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2965 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.2923 ดอลลาร์/ยูโร
• อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 32.2160 บาท/ดอลลาร์
• สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 100 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,370 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,229.92 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 10.82 ดอลลาร์สหรัฐ
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจีนเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวช้าลงในเดือน ส.ค.นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนอ่อนแอลง โดยดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ร่วงลง 0.3% เมื่อเวลา 11.00 น.ตามเวลาซิดนีย์, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,330.19 จุด ลดลง 1.76 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,410.38 จุด ลดลง 184.94 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,206.41 จุด ลดลง 16.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,039.03 จุด ลดลง 2.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,338.33 จุด ลดลง 7.22 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,853.14 จุด ลดลง 2.50 จุด
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ส.ค.ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากระดับ 9% ในเดือน ก.ค. โดยอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบรายเดือนในเดือน ส.ค.ชะลอลงเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 9.2% ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.
• ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 61.49 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 16,987.51 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 11.91 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 1,985.54 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 24.21 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 4,567.60 จุด
• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ จากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการใช้น้ำมันจะปรับตัวลดลงในทั่วโลก โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ลดลง 56 เซนต์ ปิดที่ 92.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ทำสถิติปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ลดลง 7.5 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,231.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค.ปิดที่ 18.606 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.7 เซนต์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.ปิดที่ 1,370.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 0.2 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค.ปิดที่ 836.05 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.85 ดอลลาร์
• สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยค่าเงินยูโรปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2948 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2925 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะ 1.6254 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6223 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.32 เยน จากระดับ 107.05 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9340 ฟรังค์ จากระดับ 0.9357 ฟรังค์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9044 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9102 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์แคนาดาเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.1095 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1054 ดอลลาร์สหรัฐ
• ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ แต่ทำสถิติปรับตัวลดลงในการซื้อขายระหว่างสัปดาห์สูงที่สุดในรอบ 1 เดือน โดยดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 7.34 จุด หรือ 0.11% ที่ 6,806.96 จุด
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวเมื่อวันศุกร์ หลังจากเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในการซื้อขายระหว่างวัน เนื่องจากการการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้กระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดทรงตัวที่ 344.27 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,441.70 จุด เพิ่มขึ้น 0.80 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,651.13 จุด ลดลง 40.15 หรือ -0.41%, ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,806.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.34 จุด หรือ +0.11%