(เพิ่มเติม) รมว.คลัง ไม่รับปาก GDP ปีนี้โตได้ 2% แต่คาด Q4/57 มีโอกาสโตกว่า 2%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 15, 2014 14:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงการคลังวันนี้ถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ว่า GDP ในปีนี้จะโตได้ถึง 2% หรือไม่ ยังไม่ขอรับปาก แต่จะพยายามทำให้ได้เต็มที่
"GDP ของเราจะถึง 2% หรือไม่ในปีนี้ ผมไม่ขอรับปากแต่จะพยายามทำให้ได้เต็มที่ เพราะ GDP เป็นเป้าเดิมก่อนเข้ารับตำหน่ง แต่ส่วนตัวจากที่ไปประชุม ASEM เห็นว่า เศรษฐกิจในต่างประเทศไม่ค่อยดี รัฐบาลหลายประเทศเก็บภาษีไม่ได้ ขณะที่บางประเทศอัตราเติบโตติดลบ ถ้าจะให้มองไทยคงไม่รับปาก...ถ้าโตได้ถึง 2% ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว" รมว.คลัง กล่าว

อย่างไรก็ดี รมว.คลัง เชื่อว่า การเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีการเติบโตที่ดีขึ้น โดยน่าจะเห็น GDP โตได้มากกว่า 2% ขณะที่ในปีหน้าเชื่อว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะดีกว่าในปีนี้อย่างแน่นอน

ในวันนี้ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงการคลัง โดยได้มอบนโยบายการทำงานให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งจะต้องมีการทำเป็น Action Plan ออกมาเพื่อวางกรอบแนวทาง ตลอดจนมาตรการ และกรอบเวลา อีกทั้งจะต้องมีหน่วยงานในการติดตามผล และสามารถวัดผลได้ง่าย เพื่อให้การปฏิบัติงานในแต่ระยะสามารถบรรลุสู่เป้าหมายที่ชัดเจนได้

ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการ ทั้งนี้จะยึดหลักการสำคัญคือทำแล้วจะต้องเกิดผลดี และมีผลเสียที่น้อยสุด ซึ่งในส่วนของการเก็บภาษีมรดกนั้นเห็นว่าจำเป็นจะต้องมีการฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบคอบ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นต้องทำประชาพิจารณ์ เพียงแต่ต้องรับฟังความเห็นให้รอบด้านก่อนจะตัดสินใจ เพราะหากทำไปอย่างไม่รอบคอบก็จะเกิดผลเสียตามมามากกว่า

“เรื่องภาษีมรดก ถ้าออกมาไม่ดีก็จะหลบกันหมด และเกิดผลในทางลบตามมาอีกมากมาย ผมไม่ได้คัดค้าน แต่คงต้องใช้เวลา เราต้องรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนก่อน แต่คงไม่ถึงขั้นต้องทำประชาพิจารณ์" รมว.คลังกล่าว

ส่วนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปัจจุบันให้ท้องถิ่นทำหน้าที่จัดเก็บนั้น ถือว่ายังทำได้มีประสิทธิภาพน้อยมาก ดังนั้นควรต้องปรับเปลี่ยนให้ส่วนกลางเข้ามาทำหน้าที่ในการจัดเก็บแทน พร้อมมองว่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีประสิทธิภาพมากกว่าภาษีมรดก เพราะเม็ดเงินได้รับกว่ามาก และมีเงินเข้ามาในทุกปี

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) จากปัจจุบันที่ 7% เป็น 10% ตั้งแต่ ต.ค.58 ว่า คงต้องเดินหน้าไปตามนโยบายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้วางไว้ แต่การจะปรับขึ้นในอัตราเท่าใดนั้นจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเห็นว่าขณะนี้ยังมีเวลาที่จะศึกษาให้รอบคอบก่อนที่จะถึงเวลา ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราภาษีคงไม่ใช่การหวังผลแต่เฉพาะในเรื่องของรายได้เพียงอย่างเดียว แต่เพื่อผลของการปรับให้สู่จุดหมายทางด้านเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมด้วย

“อัตราเท่าไรอย่าเพิ่งไปพูด ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ต้องศึกษาไปเรื่อยๆ ดู impact และช่วงที่ดูนี้ สิ่งที่กระทรวงคลังต้องทำทันที คือประสิทธิภาพในการจัดเก็บ เพื่อดูฐานที่แท้จริง ว่าฐานเราจะขยายขึ้นได้แค่ไหน" รมว.คลัง กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ