"อันไหนทำได้ก็จะดำเนินการเป็นฐานไว้ให้คนอื่นมาต่อ เช่น โครงการคมนาคมที่ต้องใช้เวลาหลายปี แต่เราจะลงรากฐานไว้ และถ้าเป็นโครงการที่ดี สังคมชอบ ใครเข้ามาก็ต้องดำเนินการต่อ"
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวต่อว่า เรื่องที่ยากที่สุดจะเป็นในส่วนของ Digital Economy ซึ่งแต่เดิมเศรษฐกิจจะประกอบด้วย ภาคอุตสาหกรรม เกษตร การเงิน และการบริการ แต่ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมา คือ Digital Economy ซึ่งไม่ใช่แค่การพัฒนาซอฟท์แวร์หรือฮาร์ทแวร์ แต่จะเป็นพื้นฐานให้เศรษฐกิจภาคอื่นขยายตัวต่อไป ยกตัวอย่างเช่น ภาคการธนาคารหากไม่มีการใช้ระบบ Digital ในการทำงานก็ไม่สามารถเติบโตได้ หรืออุตสาหกรรมรถยนต์ก็เช่นกัน
"เราต้องสร้างฐาน Digital Economy เพื่อเข้าไปรองรับการขยายตัวของฐานอื่น ซึ่งเกาหลีใต้ ญื่ปุ่น และสิงคโปร์ ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ประเทศเราอาจช้ากว่าแต่ก็ไม่ช้าเกินไป ซึ่งต้องสร้างฐานให้ได้ดีที่สุดภายใน 1 ปี" รองนายกฯ กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การตั้งเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ถือว่เป็นเรื่องสำคัญ แต่จะเน้นการเร่งการสร้างงาน และเร่งอนุมัติการลงทุนให้เกิดเร็วขึ้นภายใน 3 เดือนนี้ โดยเมื่อมีเรื่องใดเป็นชิ้นเป็นอันก็พร้อมจะชี้แจงทุกรายละเอียดกับประชาชน อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือกับหน่วยงานต่างๆบ้างแล้ว ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
สำหรับคณะทำงานในทีมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเลขานุการรองนายกรัฐมนตรี และนายอำนวย ปะติเส อดีต รมช.คลัง ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และตั้งบุคคลเป็นผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.)