เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มองค์ความรู้ในด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต, ส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน โดยเร่งดำเนินการเตรียมความพร้อม การค้า การลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน, พัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยทุกระดับโดยสอดคล้องกับข้อตกลงในการเคลื่อนย้ายในด้านสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ และปัจจัยการผลิตต่างๆที่เปิดเสรีมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยให้สามารถแข่งขันได้, พัฒนาแรงงานภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยให้มีการยกระดับฝีมือแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น มีการส่งเสริมพัฒนาระบบการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเพื่อใช้ในการประเมินค่าจ้างแรงงาน
2. ด้านปฏิรูปการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ก่อให้เกิดความคล่องตัว และรวดเร็วในการดำเนินงาน จึงได้มีนโยบาย ดังนี้ เร่งผลักดันให้มีการปรับปรุง แก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อการประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการอนุญาตการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม การขออนุญาตทำเหมืองแร่ การออกใบอนุญาตและการอนุญาตตาม พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นต้น, เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการเชิงรุก ทั้งในรูปแบบการเพิ่มศูนย์รับการออกใบอนุญาตต่างๆภายใต้การกำกับของกระทรวงฯ โดยไม่ต้องเดินทางเข้ามายังส่วนกลาง การให้บริการถึงตัวบุคคลผ่านระบบศูนย์บริการร่วม ณ จุดเดียว (One Stop Service) และระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบ, เปลี่ยนจาก Pre Audit เป็น Post Audit ซึ่งจะอำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการในการรับใบอนุญาต และต้องเคร่งครัดกับมาตรการกำกับ (Post Audit) ทุกขั้นตอนและกระบวนการเป็นไปตามกฎหมาย, ปรับทัศนคติการทำงานใหม่ของเจ้าหน้าที่ จากการให้ความสำคัญในเรื่องการกำกับ ควบคุม เป็นการให้คำปรึกษา แนะนำ รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาและเสริมสร้างให้เจ้าหน้าที่มีจิตสาธารณะที่ดีต่อการปฏิบัติงานด้วย, แนวทางการทำงาน ขอให้มีการประสานและบูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด และมีการสร้างเครือข่าย และสนับสนุนเครือข่ายให้ช่วยสอดส่อง เฝ้าระวังในเรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากกระบวนการผลิตร่วมกัน
3. สร้างความสามัคคีในองค์กรและสร้างค่านิยมใหม่ เนื่องจากบุคลากรเป็นทรัพยากรที่สำคัญและเป็นกลไกและพลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกระทรงอุตสาหกรรมไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้น จึงได้มีนโยบายเพื่อการปลูกฝังค่านิยม และสร้างระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในกระทรวงอุตสาหกรรม, สร้างระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายเจ้าหน้าที่ กำหนดมาตรการป้องกันการแทรกแซงจากนักการเมือง และส่งเสริมให้มีการนำระบบพิทักษ์คุณธรรมมาใช้ในการบริหารงานบุคคลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ, ปลูกฝังค่านิยม และจิตสำนึกในการรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ โดยต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตในทุกระดับ, สร้างระบบทางก้าวหน้าให้กับข้าราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างเป็นธรรม โดยยึดในเรื่องของความรู้ความสามารถในการปฏิบัติภารกิจเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของบุคลากร โดยการส่งเสริมพัฒนาทักษะเจ้าหน้าที่ทุกระดับให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC เพื่อให้คำปรึกษา และแนะนำแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญต้องปลูกฝังให้บุคลากรมีความซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใสในหน้าที่การงาน เพราะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพ