ดังนั้น หากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังไม่ขึ้น กระแสเงินทุนไหลเข้าก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไทยก็ยังจะปรับขึ้นไปได้อีก เพราะ P/E ยังไม่สูง ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศยังเข้มแข็ง แม้ว่าครึ่งปีแรกเศรษฐกิจยังไม่ดี แต่ก็มีความเชื่อมั่นว่าอนาคตจะดีขึ้น และ ธปท.เองก็ยังมองเป็นบวกว่าเศรษฐกิจจะพื้นตัว จึงเป็นแรงจูงใจในการลงทุน ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อตอนต้นปีเศรษฐกิจติดลบ แต่ตลาดหุ้นก็ยังปรับขึ้นได้ จนถึงตอนนี้ตลาดหุ้นก็ยังขึ้นอยู่
อย่างไรก็ตาม นายบัณฑิต กล่าวว่า มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าตลาดคาด ส่วนจะกลับกลายเป็นวัฎจักรของดอกเบี้ยขาขึ้นชัดเจนหรือไม่นั้นอยู่ที่มุมมองของเฟดว่าจะมองอย่างไรต่อไป แต่ตอนนี้ก็ทำให้นักลงทุนทยอยปรับพอร์ตกันไปแล้ว ซึ่งหากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เงินที่เคยไหลเข้ามาก็จะไหลออกไป และจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท ในทางกลับกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย
นักธุรกิจจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าจะเริ่มเห็นการเร่งระดมทุนมากขึ้นเพื่อล็อคอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนที่จะปรับสูงขึ้นไปอีก ถือเป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจที่ขยายตัว อัตราดอกเบี้ยจะต้องไม่ต่ำติดดิน
"แนวโน้มที่สหรัฐจะเข้าสู่วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นเมื่อใดนั้น ขึ้นกับเศรษฐกิจฟื้นหรือยัง เงินเฟ้อมีปัญหาหรือไม่ แต่มองว่าผู้บริหารนโยบายอยากให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นเร็ว เพราะตอนนี้ตลาดหุ้นขึ้นเลยปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งจะต้องมีการปรับฐานหรือปรับ fundamental"นายบัณฑิต กล่าว