"อันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิตเสถียรภาพ ได้รับการสนับสนุนจากความแข็งแกร่งของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ระดับหนี้สาธาณะที่ไม่สูงมากนัก และกรอบนโยบายการเงินที่น่าเชื่อถือ" นายแมคคอแมค กล่าว
นอกจากนั้น ยังเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ทำให้มาตรการทางการคลังของรัฐบาลเสื่อมถอย แต่กลับจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาครัฐที่ล่าช้ามากซึ่งทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบกับประเทศคู่แข่ง ฟิทช์เห็นด้วยที่จะเพิ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนขีดความสามารถทางการแข่งขันระยะยาวของไทย และกระตุ้นให้เอกชนลงทุนตามโครงการของรัฐบาล เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปี 58 เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4%
นายแมคคอแมค กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวจากภัยธรรมชาติและความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตามการที่เศรษฐกิจของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 3-3.5% ถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคและประเทศที่มีอันดับเครดิตในระดับเดียวกัน ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยของ 6 ประเทศในอาเซียนอยู่ที่ 5.6% ในช่วงปี 53-57