ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) เดือนก.ย.57 อยู่ที่ 105.02 เพิ่มขึ้น 1.73% จากเดือน ก.ย.56 แต่ลดลง 0.01% จาก ส.ค.57 ส่งผลให้ Core CPI เฉลี่ย 9 เดือน(ม.ค.-ก.ย.57) เพิ่มขึ้น 1.56%
สำหรับดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเดือน ก.ย.57 อยู่ที่ 113.16 เพิ่มขึ้น 3.85% จาก ก.ย.56 และเพิ่มขึ้น 0.08% จาก ส.ค.57 ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าที่ไม่ใช่หมวดอาหารและเครื่องดื่ม อยู่ที่ 104.26 เพิ่มขึ้น 0.67% จากเดือน ก.ย.56 แต่ลดลง 0.30% จาก ส.ค.57
"ดัชนี CPI ชะลอตัวลงตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการปรับลดลงของราคาพลังงานเมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกลดลง และราคาเนื้อสัตว์ปรับลดลงหลังจากปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อีกทั้งเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ" นางอัมพวัน กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งหลังของปีอยู่ที่ 2.05% ส่วนทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 2.14% ซึ่งอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ 2.0-2.8%
นางอัมพวัน กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องจับตาดูหลังจากนี้คือราคาน้ำมันในตลาดโลก และภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่ำกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีปรับลดมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งมีผลต่อราคาทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ และอัตราแลกเปลี่ยน
"อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แล้วไม่ได้เป็นสัญญาณภาวะเงินฝืด หรือเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็นผลจากการปรับตัวลดลงของราคาพลังงานในตลาดโลกและราคาเนื้อสัตว์" นางอัมพวัน กล่าว
ส่วนกรณีที่ประชุม กบง.วานนี้มีมติเห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีก LPG ภาคขนส่ง เพิ่มขึ้น 0.62 บาท/กิโลกรัม จาก 21.38 บาท/กิโลกรัม เป็น 22.00 บาท/กิโลกรัม และราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลจะปรับขึ้น 1 บาท/กิโลกรัม จากเดิม 10.50 บาท/กิโลกรัม เป็น 11.50 บาท/กิโลกรัมต่อเดือนนั้นส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อน้อยมาก โดยการปรับขึ้นราคา LPG ทุก 1 บาท/กิโลกรัม จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.00108% และการปรับขึ้นราคา NGV ทุก 1 บาท/กิโลกรัม จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.00144% ขณะที่ภาคขนส่งใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลัก