นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำปรับตัวลดลง 3.94 จุด จากเดือนกันยายนมาอยู่ที่ระดับ 38.67 จุด สะท้อนมุมมองเชิงลบเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ซึ่งสอดคล้องกันทั้งกลุ่มผู้ลงทุนทองคำและกลุ่มผู้ค้าทองคำ โดยได้รับแรงกดดันมาจากการการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความวิตกการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยหลัง FED ใกล้จะจบนโยบาย QE ขณะมองเงินบาทอ่อนค่าต่อ
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะสามเดือนข้างหน้ากลับมาสะท้อนมุมมองเชิงลบครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยค่าดัชนีลงมาอยู่ที่ระดับ 49.57 จุด ลดลงจากเดือนก่อน 7.08 จุด ซึ่งสะท้อนว่าในช่วงปลายปีถึงต้นปีหน้ากลุ่มตัวอย่างไม่แน่ใจว่าราคาทองคำจะสามารถฟื้นตัว เนื่องจากปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ กดดัน
ด้านนายทรรศนะ บุญขวัญ ประธานคณะทำงานศูนย์วิจัยทองคำ เผยผลสำรวจความเห็นจากผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ ผู้ค้าส่งทองคำ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ(Gold Trader Consensus) พบว่าส่วนใหญ่มีมุมมองราคาทองคำในช่วงเดือน ต.ค.ในเชิงลบ โดยมีผู้ค้า 3 รายมองว่าราคาทองเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และอีก 3 รายมองราคาเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับเดือนก่อน ขณะที่อีก 6 รายเชื่อว่าราคาเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงระหว่างเดือน
ผู้ค้าทองคำมองว่าราคาตลาดโลกน่าจะมีกรอบราคาสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,220-1,240 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,160-1,180 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดที่ 18,800-19,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดอยู่ที่ 18,000-18,200 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ
ส่วนผลสำรวจประมาณการเป้าหมายราคาทองในปี 58 ผู้ค้ารายใหญ่และผู้ประกอบการธุรกิจนายหน้าอนุพันธ์ทองคำจำนวน 7 รายเชื่อว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ในกรอบ 1,050-1,450 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยมีราคาเฉลี่ย 1,230 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ด้านราคาทองคำในประเทศเชื่อว่าราคาอยู่ในกรอบบาททองคำละ 17,000-22,000 บาท โดยมีราคาเฉลี่ย 19,062.14 บาท