พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับพาณิชย์จังหวัด และค้าภายในจังหวัด ว่า ได้กำชับให้กำกับดูแลราคาสินค้า ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเกษตรในพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด ไม่ให้ประชาชนและเกษตรกรเดือดร้อน โดยต้องออกไปสำรวจสถานการณ์การผลิตและการค้าอย่างใกล้ชิด ไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าจนประชาชนเดือดร้อน
พร้อมกันนั้น ได้สั่งการบ้านให้พาณิชย์จังหวัดไปคิดหาวิธีการผลักดันราคาสินค้าเกษตรในพื้นที่ไม่ให้ตกต่ำ และต้องทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในจังหวัด โดยเฉพาะเกษตรจังหวัด ในการวางแผนการผลิตสินค้าเกษตรและการขาย เพื่อไม่ให้ผลผลิตล้นตลาดจนเกิดปัญหาราคาตกต่ำ
"อย่างที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นแหล่งเพาะปลูกลำไยมาก พาณิชย์จังหวัดก็ต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ราคาลำไยตกต่ำ ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด เป็นการวางแผนแก้ปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่พอเกิดปัญหาแล้วค่อยคิดแก้ไข โดยจากนี้ไปจะมีการประชุมร่วมกับพาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจังหวัดเดือนละครั้ง เพื่อกวดขันการทำงานให้ได้ตามนโยบายที่ให้ไป" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
ส่วนราคาข้าวเปลือกนั้น ขณะนี้ได้รับรายงานว่าข้าวบางชนิดราคาสูงกว่าเป้าหมาย และบางชนิดใกล้ชิดราคาเป้าหมาย เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ขณะนี้ตันละ 8,200-8,600 บาท จากราคาเป้าหมายที่ตันละ 8,500 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิใกล้เคียงเป้าหมายที่ตันละ 15,000-16,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดข้าว(นบข.) วันที่ 24 ต.ค.นี้ จะมีการเสนอมาตรการเสริมอื่นๆ ในการพยุงราคาข้าวเปลือกในประเทศให้ไม่ต่ำกว่าราคาเป้าหมาย