ทั้งนี้ ทางกรมฯพิจารณาจากประเด็นที่เป็นจุดอ่อนของการบังคับใช้กฎหมายในช่วงที่ผ่านมา เช่น การกำหนดให้การกระทำของรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นปกติทางการค้าแข่งขันกับเอกชนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายแข่งขันทางการค้า จากปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจสามารถทำธุรกิจแข่งขันกับภาคเอกชนได้โดยเสรี และในบางธุรกิจทำให้ภาคเอกชนเสียเปรียบในการแข่งขัน
กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เป็นองค์กรอิสระในการดำเนินการ, ปรับแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการฯ โดยลดจำนวนและมีการคัดสรรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแข่งขัน และต้องปฏิบัติงานเต็มเวลา, กำหนดให้คณะกรรมการฯสามารถส่งฟ้องผู้กระทำผิดตามกฎหมายได้เอง หากอัยการไม่ส่งฟ้อง และ ปรับปรุงคำนิยามของ “ผู้ประกอบธุรกิจ" ให้หมายความรวมถึงบริษัทในเครือด้วย จากปัจจุบันกำหนดให้เป็นคนละบริษัท ส่งผลให้สามารถทำธุรกิจเอาเปรียบคู่แข่งได้ เป็นต้น
"รัฐบาลชุดนี้เน้นเรื่องการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการมากขึ้น"นายสันติชัย กล่าว