"จากข้อมูลทางราชการ ปริมาณน้ำมันเรามีไม่มาก แต่จำเป็นต้องมีไว้ เพราะปี 2561 แก๊สที่มีอยู่ก็ใกล้จะหมดเกลี้ยง ถ้าไม่เจาะใหม่ปี 61 ก็ต้องซื้อเข้ามามาก เรื่องที่ว่าจะมีการปรับอย่างไร หรือเรื่องผลประโยชน์ของ ปตท.หรือ บริษัทอื่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ด้วยเหตุและผล ยังไงก็ต้องอนุมัติ เพราะเราจะขาดพลังงานในปี 61 แล้ว"นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้รับฟังข้อมูลทั้งจากหน่วยราชการและประชาชน พบว่ายังมีปัญหาที่ต่างฝ่ายต่างพูดกันคนละประเด็น ซึ่งกรณีที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)ด้านพลังงานออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปพลังงานก่อนให้สัมปทานรอบใหม่นั้น เห็นว่า น.ส.รสนา ควรจะเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปพลังงานตามแนวทางที่อยู่ในกรอบ ส่วนเรื่องการให้สัมปทานปิโตรเลียรอบใหม่เป็นเรื่องที่รัฐบาลจำเป็นต้องมีการลงทุน
ส่วนจะมีการชี้แจงกับประชาชนอีกครั้งหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พอพูดไปก็ทะเลาะกันทุกที สิ่งที่อยากจะเห็นคือควรจะต้องรับฟังเหตุผลของแต่ละฝ่าย และอาศัยการพูดคุยทำความเข้าใจกัน ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามีการอุดหนุนทางด้านพลังงานจนเกิดการบิดเบือนกลไก โดยเฉพาะ LPG ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะปรับขึ้นราคา LPG แต่เมื่อมีการบิดเบือนราคามาโดยตลอด จะให้รัฐใช้เงินอุดหนุนไปตลอดคงไม่ได้
"ถ้าราคาจะปรับขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร ถ้าไม่สอนให้คนเรียนรู้ว่าราคาจริงมันเท่านี้ อีกทั้งที่ผ่านมามีปัญหาการลักลอบ จึงต้องแก้ให้เป็นระบบ ยอมรับว่าการปรับตัวของราคาจะมีผลกระทบต่อค่าครองชีพ ซึ่งรัฐบาลได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์มาโดยตลอด และอยากให้อย่ามองเพียงเรื่องกำไรหรือขาดทุนอย่างเดียว" นายกรัฐมนตรี กล่าว