นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.56/58 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้านี้ที่ระดับ 32.55/56 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 32.54-32.58 บาท/ดอลลาร์
"ตลาดรอดูตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐฯที่จะออกมาในคืนนี้ ช่วงประมาณทุ่มครึ่งของบ้านเรา ถ้าออกมาดีก็จะเป็นการยืนยันทิศทางเศรษฐกิจว่าดีขึ้นจริง หรือข่าวดีที่ผ่านมาของสหรัฐอาจจะถูกกลบด้วยเรื่อง GDP นี้ก็ได้"นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่าวันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.50-32.65 บาท/ดอลลาร์ โดยนอกจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯแล้ว ยังมีตัวเลข CPI ของเยอรมนีที่น่าสนใจด้วย
ส่วน THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ 32.5729 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.15 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 109.08 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2577 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.2625 ดอลลาร์/ยูโร
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยในปีนี้ลงเหลือเติบโต 1.4% จากเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค.ที่ 2.0% หรืออยู่ในกรอบ 1.5-2.0% ขณะที่คาดว่าในปี 58 GDP จะฟื้นตัวมาเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% พร้อมกับประเมินว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 0.1% และน่าจะฟื้นตัวขึ้นมาเติบโตได้ 3.5% ในปี 58
พร้อมระบุว่ารายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ก.ย.57 และไตรมาส 3/57 ว่า เครื่องชื้เศรษฐกิจสะท้อนสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกยังคงมีสัญญาณชะลอตัว แม้ว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ สำหรับเศรษฐกิจด้านอุปทาน ภาคเกษตรกรรมมีการหดตัวเล็กน้อย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
- สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองในประเทศเช้านี้ปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศ โดยราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.25 น.ลดลงจากปิดตลาดวานนี้ถึงบาทละ 200 ราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 18,650.00 ขายออกบาทละ 18,750.00 ขณะที่ราคาทองรูปพรรณรับซื้อเข้าบาทละ 18,373.92 ขายออกบาทละ 19,150.00
- ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทชั้นนำได้รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาด รวมทั้งผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่ช่วยตอกย้ำว่าเศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการยกเลิกโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ
- สหภาพยุโรป (อียู) เห็นชอบให้มีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 647 ล้านยูโร เพื่อสนับสนุนโครงการด้านสาธารณูปโภคที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในภูมิภาค