กกร.ชี้ศก.เริ่มมีสัญญาณบวก หวังเงินช่วยชาวนา-สวนยางจะกระตุ้นศก.ท้ายปี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 4, 2014 13:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 องค์กร (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้มีการประชุมสรุปภาวะเศรษฐกิจล่าสุด พบว่าเศรษฐกิจบางส่วนมีสัญญาณปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ด้วยปัจจัยบวกของการบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนก่อนสิ้นปีงบประมาณ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคงทรงตัว และการส่งออกขยายตัวแต่ยังมีความเปราะบางอยู่มาก สอดคล้องกับการหดตัวของการผลิตอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไตรมาสสามเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนในภาคส่วนใด

อย่างไรก็ดี กกร.มองว่า แรงหนุนสำคัญที่จะช่วยฟื้นกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศให้ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย คือ การเร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือต้นทุนเกษตรกรทั้งชาวนาและชาวสวนยางพาราวงเงินรวม 4.85 หมื่นล้านบาท เสร็จสิ้นภายในปีนี้ รวมทั้งการเร่งเซ็นสัญญาและเบิกจ่ายโครงการลงทุนมีวงเงินสูงกว่า 1,000 ล้านบาทได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ กกร.ยังเห็นควรผลักดันการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ...ให้มีผลบังคับใช้ได้โดยเร็วต่อไป ซึ่งขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้เข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดย สนช.ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว กกร.เห็นด้วยอย่างยิ่งกับหลักการสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ที่กำหนดไว้ 2 ประการ

ประการแรก คือ การกำหนดให้มีการจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในการติดต่อยื่นคำขออนุญาตกับหน่วยงานราชการ โดยมีหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข รายการเอกสารหรือหลักฐานที่ผู้ขออนุญาตต้องจัดเตรียม รวมถึงขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตที่ชัดเจน หลักการนี้จะช่วยผู้ขออนุญาตในการเตรียมตัวและเตรียมข้อมูลขออนุญาตที่ครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยต่อต้านปัญหาการคอรัปชั่นที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศ เนื่องจากต่อไปการพิจารณาออกใบอนุญาตต่างๆจะมีความชัดเจนในลำดับขั้นตอนและระยะเวลาทำงานของผู้อนุญาต มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ง่าย

ประการที่สอง คือ การกำหนดให้มีการจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาต เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับคำขออนุญาตซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขออนุญาตไม่ต้องติดต่อกับหน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน ลดภาระค่าใช้จ่าย และระยะเวลา นอกจากนี้ จะทำให้การเริ่มนับระยะเวลาการขออนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับมีความชัดเจนขึ้น อีกทั้งหากการจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาตนี้มีลักษณะเป็น one-stop-service center ได้อย่างแท้จริงและจัดตั้งขึ้นได้อย่างเร็วที่สุดจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ