นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.78/80 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเช้าเปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 32.80/82 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้จะออกมาดี และส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งบาทน่าจะปรับตัวอ่อนค่าลง แต่ก็ไม่ได้อ่อนลงไปมากนั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะช่วงต้นสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่าไปมากแล้ว ประกอบกับตลาดจับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ในสัปดาห์หน้า
"ถ้าดูตามข่าวจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐแล้ว บาทน่าจะอ่อน เพราะตัวเลขของสหรัฐออกมาดี แต่บาทก็ยังแข็งได้ เพราะในตลาดพันธบัตรมีการเข้าซื้อจากต่างชาติมากกว่าที่ต่างชาติขายออกจากตลาดหุ้น" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ 32.78-32.84 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.30/35 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 119.06 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2430/2434 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2398 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,514.95 ลดลง 11.86 จุด (-0.78%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 51,028 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,894.02 ลบ.(SET+MAI)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 58 จะขยายตัวได้ 4% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ โดยมีแรงขับเคลื่อนทั้งจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศและการส่งออก แม้ว่าการส่งออกคงยังฟื้นตัวไม่เต็มที่นัก แต่ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นมาขยายตัวในกรอบ 2.0-4.5% ตามทิศทางของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อปี 58 คาดว่าจะทรงตัวตลอดช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ให้กว้างและยาวนานขึ้น
- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้มีมติอนุมัติร่างงบประมาณรายจ่าย 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะจัดสรรเงินแก่รัฐบาลจนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า และจะมีการเสนอร่างงบประมาณดังกล่าวต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ การอนุมัติดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนกำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ เพื่อเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือการชัตดาวน์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
- คณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐประกาศว่า รัฐบาลจะลงทุนมูลค่าเกือบ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อผลักดันนวัตกรรมด้านการผลิต และเพิ่มทักษะของแรงงาน เนื่องจากปธน.โอบามากำลังพยายามอย่างมากเพื่อให้สหรัฐเป็นประเทศชั้นนำในด้านการผลิตขั้นสูง
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน(NBS) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนพ.ย. ขยายตัว 7.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากอัตรา 7.7% ในเดือนต.ค. และ 8% ในเดือนก.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกของจีนในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวขึ้น 12% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 23.66 ล้านล้านหยวน (3.87 ล้านล้านดอลลาร์)
- ธนาคารกลางจีน เปิดเผยยอดการปล่อยกู้ใหม่ สกุลเงินหยวนของจีนในเดือนพ.ย.แตะระดับ 8.527 แสนล้านหยวน (1.388 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.281 แสนล้านหยวนจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การระดมทุนทางสังคมทั้งหมด ซึ่งเป็นมาตรวัดกว้างๆ เกี่ยวกับสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ มีจำนวน 1.15 ล้านล้านหยวนในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบกับ 6.627 แสนล้านหยวนในเดือนต.ค.