(เพิ่มเติม) นายกฯ สั่งติดตามผลกระทบค่าเงินรัสเซีย ห่วงกระทบส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 18, 2014 16:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์เงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงอย่างมากว่า รัฐบาลได้ประชุมติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีผลกระทบกับประเทศไทย แต่สิ่งที่ต้องติดตามและมีความกังวลที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจคือ เรื่องของรายได้ของประเทศลดลง เพราะไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เมื่อเกิดปัญหาทางการเมืองที่ผ่านมาส่งผลกระทบทำให้รายได้ประเทศลดลง เก็บภาษีได้น้อยลง จึงต้องเน้นการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในประเทศ กระตุ้นการใช้จ่ายของคนในทุกระดับ

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า มีสมาธิในการเดินหน้าบริหารประเทศโดยการขับเคลื่อนในเชิงรุก ควบคู่กับการแก้ปัญหาให้สอดคล้องก้บการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก รวมถึงการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองที่จะสามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ แต่ยอมรับว่าปีหน้ายังมีความน่าเป็นห่วงเรื่องของความมั่นคงในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง และสิ่งสำคัญคือการบริหารราชการแผ่นดินให้มีเสถียรภาพ เกิดความสงบสุข ซึ่งหากทำได้ก็จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในสายตาของต่างชาติด้วย

ด้านนางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า รายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซียถึงสถานการณ์ค่าเงินรูเบิล และราคาน้ำมันว่า จากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของรัสเซียและกลุ่มประเทศตะวันตกมีมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รัสเซียต้องปรับนโยบายและออกมาตรการต่างๆ ในการรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะค่าเงินรูเบิลที่มีความผันผวนมาก ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการประกาศคว่ำบาตรรัสเซียอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยสหรัฐฯได้เตรียมการที่จะผ่านกฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการคว่ำบาตรรัสเซีย(ด้านอาวุธส่วนใหญ่) และการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน

ทั้งนี้ การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในช่วงนี้จะลดลงมาก คาดว่าจะรอจนกว่าค่าเงินรูเบิลจะมีเสถียรภาพกว่านี้ ส่วนใหญ่จะชะลอการตัดสินใจออกไปเป็นเดือนม.ค.58 แต่จะมีเพียงสินค้าที่ชำระเงินแล้วที่นำเข้า ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าทั่วไปในรัสเซียสูงขึ้นทันที รัสเซียพยายามควบคุมราคาโดยพยายามหาแหล่งสินค้าทดแทนในปริมาณมาก เพื่อให้ระดับราคาสินค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ประชาชนเลือกซื้อหาได้และไม่ขาดแคลน ซึ่งประชาชนรัสเซียส่วนใหญ่เชื่อว่าสถานการณ์จะผ่านไปด้วยดี

ปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ลดลง แม้จะกระทบต่อรายได้ของรัสเซีย แต่รัฐบาลได้นำเงินกองทุนต่างๆ ที่มีสำรองอยู่หลายแหล่งมาใช้ ซึ่งประเด็นสำคัญของผลกระทบไม่ใช่ด้านราคาน้ำมัน แต่ขาดเทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันที่ต้องพึ่งพากลุ่มประเทศยุโรปเป็นหลัก ทำให้โอกาสที่จะแสวงหาแหล่งน้ำมันใหม่ต้องล่าช้าออกไปอีกหลายปี ซึ่งการที่รัสเซียได้เปิดความสัมพันธ์กับกลุ่ม BRICS (รัสเซีย จีน อินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้)เพื่อแก้ไขปัญหานี้ในระยะสั้น และเตรียมความพร้อมร่วมมือในระยะยาวหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ผ่านไปแล้ว

ด้านนางกัลยาณี ศิริกุล อัครราชทูต(ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงมอสโก กล่าวว่า รัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากซาอุดิอาระเบียและแหล่งน้ำมันสำรองมาเป็นอันดับ 1 ที่ยังไม่มีการขุดเจาะอีกมหาศาล แต่ยังไม่มีการผลิตน้ำมันในช่วงนี้ เนื่องจากยังต้องการเงินตราต่างประเทศและรักษามิตรภาพกับประเทศเครือข่ายที่จะต้องร่วมกันในเวทีโลก

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบของรัสเซียลดลงถึง 45% โดยเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 57 อยู่ที่ 59.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากรัสเซียไม่ขายน้ำมันออกมา ทำให้การแข่งขันลดน้อยลง ขณะที่รัสเซียเป็นประเทศนอกกลุ่มโอเปค(ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่) จึงมีอิสระในการตัดสินใจเพิ่มหรือลดการผลิตน้ำมันได้

"จะเห็นได้ว่า รัสเซียได้ปรับตนเองให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การปรับลดโครงการขุดเจาะน้ำมัน การก่อสร้างท่อส่งแก๊ส ส่งน้ำมันต่างๆ เพื่อรอสถานการณ์ที่ดีขึ้นแล้วทำต่อ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง การลงนามกับชาติพันธมิตร เช่น จีน อินเดีย จะทำให้เรื่องนำมันของรัสเซียมีเสถียรภาพมากขึ้น ตามนโยบายมุ่งเอเชีย และต้องการให้เอเชียเป็นแหล่งตลาดพลังงานใหม่(น้ำมัน/แก๊ส) ทดแทนยุโรปใต้ในอนาคต" นางกัลยาณี กล่าว

สถานการณ์ในรัสเซียมีความเข้มข้นมากขึ้น รัสเซียได้พยายามใช้มาตรการต่างๆ เข้ามาดำเนินการประคับประคองสถานการณ์ให้พ้นวิกฤตินี้ได้ โดยเฉพาะไม่เกิดความขาดแคลนในปัจจัยดำรงชีพ รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน และราคาสินค้าที่ประชาชนรับได้ ดังนั้นการจัดหาแหล่งอาหารให้แก่ประชาชนไม่ให้เกิดขาดแคลน จึงเป็นปัจจัยสำคัญกว่าการจะถูกคว่ำบาตรเป็นครั้งที่ 2 รัสเซียมองไทยเป็นแหล่งอาหาร และสินค้าอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยรัสเซียยังมีความต้องการนำเข้าสินค้าอีกเป็นจำนวนมากและไม่ได้ลดน้อยลงตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น อัญมณี เป็นต้น

อนึ่ง ค่าเงินรูเบิลลดค่าต่ำสุด 20% เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย 1 เหรียญสหรัฐฯ = 58.35 รูเบิล และ 1 ยูโร = 72.66 รูเบิล จากวันที่ 1 ม.ค.57 ที่ 1 เหรียญสหรัฐฯ =32.66 รูเบิล และ 1 ยูโร = 45.26 รูเบิล ตามลำดับ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศสหพันธรัฐรัสเซียได้เข้ามาพยุงค่าเงินตลอดปีนี้หลายครั้ง รวมถึงการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 17% จากเดิม 10.5% นับเป็นอีกมาตรการที่พยุงค่าเงินรูเบิล ไว้และไม่ให้เงินตราไหลออกมากไปกว่านี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ