นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 32.91/92 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 32.95/96 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.88-32.98 บาท/ดอลลาร์
"เช้าเปิดตลาดแล้วก็ค่อยๆแข็งค่าลงไป ลงมาด้านแข็งค่าทางเดียว ไม่ค่อยผันผวนปัจจัยหลักคือผล FOMC เมื่อคืนนี้ ทำให้ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุล พอเข้าสู่เวลาทำการก็มีแรงขายทำกำไรเกิดขึ้น และตลาดหุ้นมีแรงรีบาวน์ค่อนข้างรุนแรง พอเหนือ 1,500 จุด ก็มีแรงซื้อเงินบาทขายดอลลาร์ในตลาด Fx"นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับวันพรุ่งนี้ ประเมินว่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.85-32.95 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ยังมีทิศทางขึ้นต่อ
"ค่าเงินบาทอาจจะต้องขึ้นอยู่กับตลาดหุ้นเป็นหลัก วันไหนหุ้นลงบาทก็อาจจะอ่อนค่า วันไหนหุ้นขึ้นบาทก็จะแข็งค่า...แต่ไม่น่าจะไปถึง Figure แล้ว ด้านล่างก็คงไม่ถึง 32.80 น่าจะวิ่งในกรอบแคบ"นักบริหารเงิน กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.60 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 118.72 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2312 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.2338 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,516.79 จุด เพิ่มขึ้น 36.59 จุด, +2.47% มูลค่าการซื้อขาย 52,120.15 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,125.62 ลบ.(SET+MAI)
- นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มองดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยยังคงมีความผันผวนทั้งในช่วงปลายปีนี้ถึงปีหน้า ขณะที่ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเป็น 50% ภายใน 5 ปี (58-62) เพื่อเพิ่มเสถียรภาพ และลดความผันผวนของตลาดหุ้นไทย
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์เงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงอย่างมากว่า รัฐบาลได้ประชุมติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีผลกระทบกับประเทศไทย แต่สิ่งที่ต้องติดตามและมีความกังวลที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจคือ เรื่องของรายได้ของประเทศลดลง เพราะไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เมื่อเกิดปัญหาทางการเมืองที่ผ่านมาส่งผลกระทบทำให้รายได้ประเทศลดลง เก็บภาษีได้น้อยลง จึงต้องเน้นการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในประเทศ กระตุ้นการใช้จ่ายของคนในทุกระดับ
- นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังจะเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในปี 2558 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตลาดเงิน และตลาดทุน โดยครั้งนี้จะเป็นปัจจัยจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ค่าเงิน, รัสเซีย และน้ำมัน ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- นายหวัง ยุงกุย เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสกุลเงินรูเบิลของรัสเซียที่ร่วงลงอย่างหนัก พร้อมกับยืนยันว่าจีนจะติดตามความเคลื่อนไหวของสกุลเงินรูเบิลอย่างใกล้ชิด
- สภาพคล่องในตลาดของจีนเริ่มกลับมาตึงตัวอย่างน่าประหลาดใจเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปแล้วเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งภาวะสภาพคล่องตึงตัวเช่นนี้ส่งผลให้เกิดกระแสการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะใช้มาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว หรือแม้แต่การปรับลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ลงในเร็วๆนี้
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เริ่มการประชุมนโยบายระยะเวลา 2 วันในวันนี้ เพื่อหารือถึงผลกระทบจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดการเงิน เนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงในช่วงที่ผ่านมา