เงินบาทปิดตลาด 32.86/87 ทรงตัว มองกรอบสัปดาห์หน้า 32.75-33.00

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 19, 2014 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.86/87 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.86/88 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 32.82 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้เงินบาทขยับเล็กน้อยแค่ 5 สตางค์ ปริมาณซื้อขายเบาบาง สวนทางกับค่าเงินภูมิภาคที่อ่อนค่า" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.38 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 118.87 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2275 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2286 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,514.35 จุด ลดลง 2.44 จุด, -0.16% มูลค่าการซื้อขาย 57,702.52 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 32.78 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานตัวเลขทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทย วันที่ 12 ธ.ค.57 อยู่ที่
158.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากวันที่ 5 ธ.ค.57 ที่ 156.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ฐานะฟอร์เวิร์ดสุทธิของไทย วันที่ 12 ธ.ค.57 อยู่ที่ 23.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับวันที่ 5 ธ.ค.57 อยู่ที่ 24.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศในรูปเงินบาทวันที่ 12 ธ.ค.57 อยู่ที่ 5,197.3 พันล้านบาท จาก 5,161.6 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.57
  • นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน รองผู้ว่าการด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุสถานการณ์เงินบาทอ่อนค่าในปัจจุบันยังไม่พบมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และยังไม่พบการเก็งกำไรค่าเงิน แต่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ธปท.ก็มีมาตรการพร้อมรองรับแล้ว เพื่อทำให้เงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาด และสอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ
  • สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เผยบริษัท Standard and Poor’s (S&P’s) S&P’s ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้นสกุลเงินตราต่างประเทศ(Long-term/ Short-term Foreign Currency Rating) ที่ระดับ BBB+/A-2 และอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้นสกุลเงินบาท(Long-term/Short-term Local Currency Rating) ที่ระดับ A-/A-2 พร้อมยืนยันแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับมีเสถียรภาพ(Stable Outlook) และยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบน ASEAN Regional Scale ระยะยาวที่ axAA และระยะสั้นที่ axA-1 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้ประเมินการเคลื่อนย้ายและความคล่องตัวในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศคงที่อยู่ในระดับ A
  • สบน.เผยผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือน พ.ย.57 โดยกระทรวงการคลังได้กู้เงิน และเบิกจ่ายเงินกู้ ได้แก่ 1.การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 9,970 ล้านบาท 2.การเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่ รฟม.เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจำนวน 37.82 ล้านบาท รวมถึงการเบิกจ่ายเงินกู้ต่อให้แก่ ร.ฟ.ท.เพื่อจัดทำโครงการรถไฟสายสีแดงจำนวน 13.10 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทางจำนวน 82.30 ล้านบาท 3.การเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 960 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลก เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน(DPL) ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 ก.ค.57 วงเงิน 3,000 ล้านบาท ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล ได้แก่ 1.พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2551 ที่ครบกำหนดจำนวน 36,000 ล้านบาท 2.การทำธุรกรรมแลกพันธบัตร(Bond Switching) โดยกระทรวงการคลังดำเนินการแลกพันธบัตรที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 รุ่น LB155A จำนวน 76,235.20 ล้านบาท กับพันธบัตรรัฐบาลที่เป็น Benchmark 4 รุ่น จำนวน 71,017 ล้านบาท ซึ่งทำให้ยอดหนี้คงค้างของพันธบัตรรัฐบาลลดลง 5,218.02 ล้านบาท และ 3.การปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนดในวันที่ 19 พ.ย.57 ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ(FIDF 3) จำนวน 3,778.61 ล้านบาท โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 3,778.60 ล้านบาท และยืมเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง(Premium FIDF 3) จำนวน 5,796 บาท
  • นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เผยช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558(ต.ค.-พ.ย.57) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 335,911 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 6,490 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.0(ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.6)
  • นายทาเกฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยปี 57 เหลือโตราว 1% จากเดิม 1.4-1.5% เนื่องจากมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ และมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 อาจจะมีความล่าช้าจากปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐซึ่งทำให้แรงส่งต่อเศรษฐกิจยังไม่เกิดผลเท่าที่ควร
  • ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) มีมติคงนโยบายการเงินในการเพิ่มฐานเงินที่อัตรา 80 ล้านล้านเยนต่อปีเพื่อให้บรรลุเป้าเงินเฟ้อที่ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังมีการฟื้นตัวในระดับปานกลาง ขณะที่ยังคงมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในตลาดการเงินอันเนื่องมาจากการร่วงลงของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา
  • GfK เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเยอรมนีในเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 9.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี จาก 8.7 ในเดือน ธ.ค. นับเป็นสัญญาณว่าผู้บริโภคชาวเยอรมนีมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้า ส่วนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อการคาดการณ์เศรษฐกิจและดัชนีแนวโน้มการซื้อในเดือน ธ.ค.ต่างก็ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอำนาจการซื้อของผู้บริโภคมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังราคาพลังงานปรับตัวลง
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 336 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.350% เพิ่มขึ้น 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน มี.ค.ลดลง 0.12 จุด แตะระดับ 147.54 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส(Insee) เผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคการผลิตของฝรั่งเศสเดือน ธ.ค.ทรงตัวที่ระดับ 99 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน พ.ย. โดยกลุ่มผู้ผลิตชั้นแนวหน้าระบุว่ามีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่มองว่าการผลิตมีแนวโน้มหยุดนิ่ง
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปิดทรงตัวที่ระดับ 11,090 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,201.18 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ