ซึ่งวาระนี้สำนักงานฯ ได้เสนอแนวทางการไม่ต้องทำตามกฎ Must Have หรือนัยหนึ่งคือการแก้กติกาดังกล่าวให้ยืดหยุ่นขึ้น คือผ่อนผันให้รายการกีฬาทั้ง 7 ประเภท ซึ่งสามารถออกทางฟรีทีวีเท่านั้นแล้ว จะสามารถออกผ่านดาวเทียมและเคเบิลได้ ซึ่งจริงๆ เป็นความเห็นของ กสท.เสียงข้างน้อยที่เคยเห็นต่างจากบอร์ดเสียงข้างมากตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม การปรับหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขให้ยืดหยุ่นขึ้นลักษณะนี้มีข้อสังเกตว่าควรผ่านกระบวนรับฟังความคิดเห็นก่อนด้วยหรือไม่ และทางเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้กฎนี้อย่างเข้มข้นในอดีต
"กรณีการถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลโลก ของบริษัทในเครืออาร์เอส อาจจะมองว่า กสท. เลือกปฏิบัติหรือไม่ เนื่องจากเคยมีกติกาฟ้องร้องด้วย อย่างไรก็ดีหากมีการใช้แนวทางนี้ ควรเปิดเวทีรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้รอบคอบก่อนโดยดูภาพรวมทั้งระบบ ไม่ให้เอกชนมองว่าอาจเป็นการสองมาตรฐาน รวมทั้งควรแก้ปัญหาให้ตรงจุดจริงๆ" น.ส.สุภิญญา กล่าว
พร้อมระบุว่า ที่ประชุม กสท.มีวาระที่เกี่ยวกับร่างประกาศการเรียงช่องใหม่ที่ยังค้างคา เพราะบอร์ดใหญ่ตีกลับร่างมาให้บอร์ด กสท.พิจารณาอีกรอบเพราะทาง บ.ทรูวิชั่นส์ และกลุ่มผู้ประกอบการดาวเทียมส่งจดหมายคัดค้านประเด็นทางกฏหมาย จันทร์นี้ สนง.วิเคราะห์ข้อกฏหมายที่เป็นประเด็นคัดค้านของเอกชนดังกล่าว จับตาดูท่าทีของ กสท.ว่าจะออกมาอย่างไร
อีกวาระสำคัญที่ต้องจับตาคือเรื่องความคืบหน้าการวางโครงข่ายทีวีดิจิตอลในปีที่ 2 ซึ่งกองทัพบก และไทยพีบีเอส ที่วางสถานีหลักได้เกิน 25 สถานีตามแผนแล้ว แต่ อสมท.ได้เพียง 16 สถานี เพราะยังอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์เครื่องส่ง เช่นเดียวกับกรมประชาสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้ดำเนินการติดตั้งตามแผนเลย ทั้งนี้ กสท.เคยมีมติให้ออกคำสั่งทางปกครองให้ดำเนินการติดตั้งสถานีพร้อมให้บริการภายใน 60 วัน นับจากวันที่มีมติคือ 8 ธ.ค.57 ดังนั้น กสท.ควรเร่งรัดในกรณีนี้ เพราะความล่าช้ากระทบต่อการเปลี่ยนผ่านดิจิตอลทีวีในภาพรวมทั้งหมด
ส่วนอีกหลายวาระที่สำคัญ ได้แก่ การพิจารณาเรื่องร้องเรียนของสมาคมสื่อดิจิตอลเพื่อผู้บริโภค กรณีการนำเสนอเนื้อหา “สาวชาวกัมพูชาป่วย" ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 ซึ่ง สำนักงานเคยส่งเรื่องให้องค์กรวิชาชีพพิจารณาแล้ว ส่วนครั้งนี้เป็นเรื่องทางกฎหมายว่าขัดมาตรา 37 หรือไม่อย่างไร ซึ่งตนคงสงวนความเห็นเรื่องนี้
น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีการพิจารณาผังรายการ 1 ปณ.ด้วย ซึ่งเห็นว่าสำนักงานควรปรับโครงสร้างใหม่ ไม่ใช่ให้เอกชนเช่าช่วงไปเรื่อยๆ โดยยังไม่เห็นแนวทางการปรับตัวที่ชัดเจนทั้งที่ผ่านมา 2-3 ปีแล้ว ส่วนผังรายการที่สำนักงาน กสทช.เสนอเข้ามา ไม่ได้แจ้งว่าให้ผู้อื่นเช่าเวลาเลย แต่เป็นการผลิตรายการด้วยตนเอง และ ร่วมผลิตรายการเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าอันนี้เป็นปัญหาเรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนในฐานะองค์กรกำกับกับการมีคลื่นในมือ สำนักงาน กสทช.ควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้จริงจังและทำตัวให้เป็นแบบอย่างสถานีของรัฐอื่นๆได้แล้ว
ขณะเดียวกันยังมีวาระอื่นๆ น่าติดตามได้แก่ ข้อเสนอแนะกรณีปัญหาการเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี วาระผู้รับใบอนุญาตขอความอนุเคราะห์ในการจ่าย ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการบรอดแคส ประจำปี 2556 เกินระยะเวลาตามเงื่อนไขที่กำหนด และพิจารณายกเว้นค่าเบี้ยปรับต่างๆ และวาระการขอลด/งด/ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี และการผ่อนชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี ตามที่ผู้ประกอบการบางรายได้ยื่นหนังสือขอมา การเตรียมพิจารณาทบทวนแนวทางการเพิกถอนใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กรณีผู้ได้รับอนุญาตฯ มิได้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตตาม พรบ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลา วาระการแต่งคณะทำงานทดสอบเพื่อรับบัตรผู้ประกาศในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และอื่นๆ ทั้งหมดติดตามผลการประชุมได้ในวันจันทร์นี้