อย่างไรก็ตาม ประเมินว่ากนง.ยังต้องมีช่องว่างสำหรับอัตราดอกเบี่ยนโยบายไว้เผื่อป้องกันความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในตลาดเงินและตลาดทุนค่อนข้างมากในปีนี้ อีกทั้งการที่เศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินและการคลังยังต้องมีความสอดคล้องกัน
"กนง.ก็ยังต้องเก็บกระสุนดอกเบี้ยไว้ใช้ป้องกันความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนในปีนี้ จริงๆ ก็ยังมี Room ที่จะลดดอกเบี้ยได้ แต่ดอกเบี้ยที่ 2% ก็ยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อยู่ ทำให้มองว่าสำหรับครึ่งแรกของปีนี้ กนง.ก็ยังคงดอกเบี้ยไว้อยู่ ยกเว้นมีอะไรที่กระทบเศรษฐกิจเชิงลบจริงๆ ก็อาจจะทำให้ต้องาดดอกเบี้ยลงได้"นายเบญจรงค์ กล่าว
สำหรับค่าเงินบาทในปี 58 ยังมองไปในทิศทางอ่อนค่า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในครึ่งปีแรกจะยังมีทิศทางแข็งค่าขึ้นแต่จะมีการอ่อนค่าในช่วงครึ่งปีหลัง จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า
ส่วนภาพรวมเศษฐกิจไทยในปี 58 ยังมองว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังโตได้ 3.8% โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปียังขยายตัวไม่แข็งแกร่ง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยหนุนที่เข้ามาอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยเม็ดเงินจากการลงทุนภาครัฐยังไม่มีการเบิกจ่ายออกมาอย่างเป็นรูปธรรม และเริ่มมีความไม่แน่นอนว่าเม็ดเงินของภาครัฐที่จะออกมาได้มีปริมาณที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ ทำให้ยังไม่สามารถประเมินเม็ดเงินที่ออกมาจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคไนประเทศให้เติบโตได้มากแค่ไหน อีกทั้งเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังมีการซบเซาต่อเนื่อง ทำให้กระทบต่อภาคการส่งออกของไทยยังไม่มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น