ขณะเดียวกันสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีก มาขอความร่วมมือให้ปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับร้านอาหารในศูนย์อาหาร เพราะปัจจุบันได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าอาหารในห้างฯแพง
”มีภาคเอกชน 1 ราย เสนอตัวเข้ามาช่วยเราทำโครงการนี้แล้ว โดยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด และเป็นผู้บริหารจัดการภายในร้าน ส่วนสินค้าที่จะนำมาขายภายในร้าน กระทรวงพาณิชย์จะประสานผู้ผลิตให้ส่งในราคาต้นทุน เพราะไม่ต้องทำแพ็กเก็จจิ้งสวยงาม เป็นการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ แต่คุณภาพเหมือนสินค้าที่ขายในท้องตลาด หน้าร้านไม่ต้องตกแต่งสวยงามมาก เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง และลดค่าใช้จ่ายในทุกมิติ” รมว.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมกันนี้ ได้ตั้งเป้าหมายในปีนี้เปิดให้ได้ 14 แห่ง และจะขยายให้เป็น 142 แห่งภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อสินค้าราคาประหยัด
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ร้านค้าดังกล่าวไม่น่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อร้านค้าปลีกดั้งเดิม (ร้านโชห่วย) หรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆ เพราะต้องกำหนดพื้นที่ในการจัดตั้งโลว์คอสต์ ดีพาร์ทเมนท์สโตร์
นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดงานธงฟ้าทั่วประเทศ และจัดรถธงฟ้าเคลื่อนที่ ตั้งเป้าหมาย 2,000 ครั้ง เริ่มต้นสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป การจัดทำตลาดชุมชน การจัดมหกรรมสินค้าราคาถูก เช่น แคมเปญ Back to School ขายชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนในช่วงเปิดเทอม โครงการหนูณิชย์พาชิม ขายอาหารจานด่วนไม่เกินจาน/เมนูละ 35 บาท จัดทำโครงการลายแทงของถูก ผ่านเว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์ เฟซบุค หรือแอพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ เพื่อแจ้งให้ประชาชนรู้ว่าจะซื้อสินค้าราคาประหยัดได้ที่ใด จัดทำโครงการ 1569 โมบาย โดยจะเคลื่อนที่ไปยังชุมชน หรือสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนร้องเรียนหากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น และทั่วถึงมากขึ้น