นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมกบง.เห็นชอบแนวทางการปรับขึ้นราคา NGV หลังจากพิจารณาว่าราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าต้นทุนของก๊าซ NGV จึงเห็นควรให้ทยอยปรับราคาเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนก๊าซ NGV มากขึ้น โดยปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลขึ้นจาก 12.50 บาท/กก. เป็น 13.00 บาท/กก. และปรับราคาก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะขึ้นจาก 9.50 บาท/กก. เป็น 10.00 บาท/กก.มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กบง. ยังรับทราบเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) โดยเฉพาะการช่วยเหลือครัวเรือนรายได้น้อย ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, กรมธุรกิจพลังงาน ,สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน, บมจ.ปตท.(PTT) และผู้ค้าก๊าซ LPG ได้ประชุมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจ พร้อมทั้งเตรียมการช่วยเหลือครัวเรือนรายได้น้อยเพื่อให้ได้ซื้อก๊าซ LPG ได้ในราคาเดิม
ทั้งนี้ ปตท.จะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนทั้งหมดแทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยยังคงสิทธิ์ซื้อก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนได้ในราคา 18.13 บาท/กก.
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า ที่ประชุม กบง.ยังพิจารณาหลักการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่ผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผลิตพลังงานร่วม (Cogeneration) ประเภทสัญญา Firm ในกลุ่มที่รับซื้อไฟฟ้ารอบก่อนปี 50 ซึ่งกำลังจะทยอยสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 60-68 ทั้งนี้ เพราะกระทรวงพลังงานเล็งเห็นความจำเป็นสำหรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากการขายให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เท่าที่จำเป็น ด้วยสัญญาที่เหมาะสมและเป็นธรรม และไม่เป็นภาระต่อราคาค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะต้องเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณา
ที่ผ่านมามีการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP ระบบโคเจนเนอเรชันตั้งแต่ปี 35 จนถึงปัจจุบันมีจำนวน 82 โครงการ คิดเป็นปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญารวม 6,901 เมกะวัตต์