ก.พลังงานหนุนทางเลือกโรงงานใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดทดแทนก๊าซ LPG

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday February 1, 2015 11:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับทราบจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างจัดทำต้นแบบโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้ากีฬาแห่งหนึ่งในเขตภาคกลาง ที่กำลังศึกษาการเปลี่ยนหัวเผาหม้อไอน้ำที่เดิมใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) ให้ปรับมาใช้หัวเผาที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (wood pellets) แทน ซึ่งเบื้องต้นหากผลการศึกษาโรงงานต้นแบบแห่งนี้ที่ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ชีวมวลอัดเม็ดได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดีแล้ว จะมีการขยายผลให้มีปรับเปลี่ยนหัวเผาเพิ่มในโรงงานอื่นๆ โดย พพ.อาจจะเข้าไปร่วมสนับสนุนการปรับเปลี่ยนหัวเผา wood pellets นี้ และคาดว่าจะมีแพ็คเกจสนับสนุนการลงทุนแบบ 30–70 (รัฐร่วม 30%) หรือลงทุนแบบ 50–50 (รัฐร่วม 50%) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสม

ทั้งนี้ เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดหรือ wood pellets ดังกล่าว ปัจจุบันประเทศไทยเริ่มมีการผลิตอยู่แล้ว แต่ผู้ผลิตหันไปทำตลาดส่งออกเกือบทั้งหมด เนื่องจากปริมาณการใช้ในประเทศยังไม่นิยม โดย wood pellets ผลิตจากวัตถุดิบที่หาได้ในประเทศไทย เช่น เปลือกไม้ยูคา ขี้เลื่อย ซังข้าวโพด หญ้าเนเปียร์ และหญ้ารากแก้ว เป็นต้น คุณสมบัติเบื้องต้นจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8-10 มิลลิเมตร และยาว 20-50 มิลลิเมตร มีค่าความร้อน (Heat value) สูงประมาณ 4,000-4,500 kcal/kg(กิโลแคลรอรี่) มีค่าความชื้นต่ำ (Moister content) 8-15% มีขี้เถ้าน้อยเพียง 3-5% ที่สำคัญจะมีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์จึงทำให้การเผาเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดนี้ สามารถช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังพบว่ามีราคาน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ เช่น ก๊าซ LPG หรือ น้ำมันเตา โดยเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด 2-3 กิโลกรัม ให้ค่าความร้อนเท่ากับน้ำมันเตาปริมาณ 1 ลิตร เป็นต้น

"กระทรวงพลังงาน เชื่อว่าเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดหรือ wood pellets นี้ จะเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงที่เป็นที่นิยมอีกทางหนึ่งในอนาคต ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมได้ลดต้นทุนพลังงาน แม้ในช่วงแรกอาจต้องมีการลงทุนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บ้าง แต่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจะทำให้เกิดการผลิตเชื้อเพลิงสะอาด และเป็นพลังงานที่ได้จากผืนดินไทยเอง ช่วยลดการเพิ่มมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตร และที่สำคัญสามารถลดความเสี่ยงจากการที่ต้องพึ่งพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่ายังมีโอกาสที่ราคาผันผวนได้ในอนาคต" นายทวารัฐกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ