วันนี้เงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าได้ต่อ เพราะหลังจากหลุดแนวรับที่ 32.50 แล้ว บาทยังลงต่อเรื่อยๆ เนื่องจากมี Flow ขายดอลลาร์เข้ามามาก และมีการเข้ามาซื้อทั้งพันธบัตร และหุ้นในประเทศ
"มีโอกาสแข็งค่าต่อ หลังจากที่หลุด 32.50 มา เป้าหมายต่อไปก็น่าจะอยู่ที่ 32.20 ช่วงนี้มี Flow ขายดอลลาร์ ฝั่ง offshore รายใหญ่เมื่อวานก็ขายกันเยอะ เมื่อวานลงไปถึง 32.30 ดูแล้วน่าจะลงไปได้ต่อ" นักบริหารเงิน ระบุ
โดยวันนี้คาดว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.30-32.45 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 32.3750 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(26 ก.พ.) อยู่ที่ 2.05090% และ THAI BAHT FIX 6M(26 ก.พ.) อยู่ที่ 1.97983%
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.26 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 118.76 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1354 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.4380 บาท/ดอลลาร์
- ค่าเงินบาทแข็งค่า หลังเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย ทุนนอกเริ่มไหลเข้าตลาดพันธบัตร ด้าน "ไทยบีเอ็มเอ" เผยต่างชาติซื้อสุทธิวันเดียว 4 พันล้าน ขณะ "ตลาดหุ้นไทย" ผันผวนแกว่ง 20 จุด ก่อนรีบาวด์ปิดในแดนบวก หลัง "เครดิต สวิส" หั่นกำไรบริษัทจดทะเบียน
- นายกรัฐมนตรีนั่งประธานคณะกรรมการเตรียมความพร้อมไทยเปลี่ยนเข้าสู่ดิจิตอล อีโคโนมี ประชุมนัดแรกกลางเดือนมีนาคมนี้ พร้อมพิจารณาเรื่องเร่งด่วน เปิดประมูล 4G ก่อน ก.ย.58 เตรียมตั้งคณะกรรมการร่วม ซึ่งรวมทุกกระทรวง เข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจทั้งระบบให้สอดรับกับแผนแม่บท
- "ประยุทธ์" สร้างความมั่นใจนักลงทุน ดันธุรกิจไทยสู่ความ "มั่งคั่ง-ยั่งยืน" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง สั่งลดขั้นตอนเร่งเบิกจ่ายเร็วขึ้น เดินตามโรดแมป 5 ปี "ปรีดิยาธร" พอใจเบิกจ่ายกระเตื้อง ตั้งเป้าเดือน มี.ค. เบิกจ่ายเพิ่มเตรียมรายงาน ครม.สัปดาห์หน้า
- "ณรงค์ชัย" เซ็นประกาศเลิกเปิดสัมปทาน รอบที่ 21 รอ สนช.แก้กฎหมายปิโตรเลียมใน 90 วัน ย้ำเปิดสำรวจมีความจำเป็น ด้านความมั่นคงพลังงาน ด้าน สนช.ตั้งทีมศึกษาแก้กฎหมาย เชิญทุกฝ่ายเข้าร่วม ขณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ฝ่ายคัดค้านเลื่อนประชุมไปสัปดาห์หน้า
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งช่วยหนุนคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ โดยดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวก หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% ในปีนี้
- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ร่วงลง 0.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ลดลง 0.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2009 แต่หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.6% เมื่อเทียบรายปี
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐปรับตัวที่เพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่าภาคธุรกิจได้เพิ่มการลงทุนในช่วงต้นปีนี้ หลังจากร่วงลง 2.2% และ 3.7% ในเดือนพ.ย.และธ.ค.ตามลำดับ
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 10 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,220 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,213.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่มีอยู่สูงเกินไป หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 8 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.05 ดอลลาร์/บาร์เรล