(เพิ่มเติม) ครม.ไฟเขียวหลักเกณฑ์กองทุนการออมแห่งชาติ กำหนดอัตราฝากเงินสมทบ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 3, 2015 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ
อนุมัติหลักการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของกองทุนการออมแห่งชาติ ประกอบด้วย ร่างพ.ร.บ.กองทุนการออมแห่ง
ชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกำหนดให้ กอช. รับโอนผู้ประกันตนและเงินของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ
ทั้งหมดที่แสดงความจำนงเป็นสมาชิกของ กอช. โดยให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปมีสิทธิเป็นสมาชิกต่อไปได้อีก 10 ปีนับแต่วันที่เป็น
สมาชิก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของพระราชบัญญัติกองทุนการ ออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 ที่ให้ผู้ที่มีอายุมากที่สมัครในช่วงปีแรก
ได้มีระยะเวลาในการออมมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำหรับเงินสะสมที่โอนมาดังกล่าว เนื่องจากได้รับเงิน
สมทบจากกองทุนประกันสังคมแล้ว

กำหนดให้ผู้สมัครสมาชิก กอช. รายใหม่ที่อายุ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และสมัครภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติดัง กล่าวมีผลใช้บังคับ มีสิทธิเป็นสมาชิกต่อไปได้อีก 10 ปีนับแต่วันที่เป็นสมาชิก เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของ กอช. ดังกล่าวข้างต้น และเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างผู้ที่รับโอนจากกองทุนประกันสังคมและผู้ที่สมัครใหม่ ทั้งนี้ สมาชิก กอช. จะได้รับเงินสมทบ เป็นอัตราส่วนตามช่วงอายุตามที่ได้กำหนดไว้

และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการยกเลิกการ ดำเนินการตามมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะโอนผู้ประกันตนและเงินของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ ทั้งหมดที่ประสงค์จะเป็นสมาชิก กอช. มาที่ กอช. ซึ่งรวมถึงผู้ประกันตนที่อายุเกิน 60 ปีด้วย ส่วนผู้ประกันตนที่ ไม่ประสงค์จะเป็นสมาชิก กอช. จะได้รับเงินที่ผู้ประกันตนส่งเข้ากองทุนเงินสมทบจากรัฐ และดอกผล คืนทั้งจำนวน

นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 จำนวน 7 ฉบับ ประกอบด้วย ดังนี้ ร่างกฎกระทรวงกำหนดการเป็นสมาชิกกองทุนหรืออยู่ในระบบบำนาญอื่นที่ไม่มีสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่ง ชาติ พ.ศ. .... กำหนดให้บุคคลที่มีสิทธิเป็นสมาชิก กอช. ต้องไม่เป็นบุคคลที่เป็นสมาชิกกองทุนหรืออยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานอื่นที่มีเงินสมทบจากนายจ้างเพื่อการชราภาพ

ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติของผู้รับมอบหมายให้จัดการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... กำหนดเกี่ยว กับผู้ดำเนินการจัดการเงินของกองทุน คุณสมบัติของบริษัทจัดการลงทุน ข้อจำกัดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่จะลงทุน และค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินการจัดการเงินของกองทุน

ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. .... กำหนดให้สมาชิกจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนปี ละไม่เกิน 13,200 บาท และรัฐบาลจ่ายเงินสมทบตามอายุสมาชิก ดังนี้

          อายุสมาชิก                อัตราเงินสมทบต่อเงินสะสม          เงินสมทบสูงสุดที่จะกำหนดโดยกฎกระทรวง
ไม่ต่ำกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 30 ปี         ร้อยละ 50                              600 บาท/ปี
มากกว่า 30 ปีแต่ไม่เกิน 50 ปี          ร้อยละ 80                              960 บาท/ปี
มากกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี         ร้อยละ 100                           1,200 บาท/ปี

ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณเงินบำนาญและจำนวนเงินบำนาญขั้นต่ำ พ.ศ. .... กำหนดหลักเกณฑ์การ คำนวณบำนาญให้เพียงพอกับการจ่ายบำนาญให้แก่สมาชิกได้จนถึงอายุครบ 80 ปีบริบูรณ์

ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการจ่ายเงินให้กับสมาชิก หรือผู้รับบำนาญ หรือผู้รับเงินดำรงชีพ ตามมาตรา 40 ของกฎหมายว่าด้วยกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินจากกองทุนให้แก่สมาชิก ในกรณีสมาชิกอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ กรณีการจ่ายเงินดำรงชีพให้แก่สมาชิก ที่เมื่อคำนวณบำนาญแล้วได้น้อยกว่าบำนาญขั้นต่ำ กรณี สมาชิกผู้รับบำนาญหรือผู้รับเงินดำรงชีพถึงแก่ความตาย กรณีสมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และกรณีสมาชิกลาออกจาก กองทุน

ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... กำหนดเกี่ยวกับการ ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของเงินกองทุน การแบ่งเงินของกองทุนเป็นกองทุนย่อย และการดำเนินการ กรณีมอบหมายบริษัทจัดการลงทุน เป็นผู้จัดการเงินของกองทุนย่อยและกรณีที่ กอช. ดำเนินการจัดการเอง

และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินชดเชย พ.ศ. .... กำหนดให้กองทุนจ่ายเงิน ชดเชยจากบัญชีเงินกองกลางให้แก่สมาชิก ในกรณีที่สมาชิกได้รับผลประโยชน์จากเงินสะสมและเงินสมทบ ตั้งแต่วันที่เริ่มเป็นสมาชิกจน ถึงวันที่สิ้นสมาชิกน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน โดยเฉลี่ยของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร และธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ 5 แห่ง เพื่อให้สมาชิกได้รับผลตอบแทนเท่ากับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

อีกทั้งอนุมัติร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่าตอบแทนของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ กองทุนการออมแห่งชาติ กำหนดให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการของ กอช. ได้รับประโยชน์ตอบแทนในอัตราเดียวกันกับกองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) โดยประธานกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทน 10,000 บาทต่อเดือน กรรมการได้รับ 8,000 บาทต่อเดือน ประธานอนุกรรมการได้รับ 5,000 บาทต่อเดือน และอนุกรรมการได้รับ 4,000 บาทต่อเดือน โดยให้จ่ายเป็นราย เดือนเฉพาะเดือนที่เข้าร่วมประชุม

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้กองทุนการ ออมแห่งชาติ (กอช.) ทำหน้าที่เป็นช่องทางการออมเพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบ โดยการออกกฎกระทรวงจำนวน 7 ฉบับซึ่งออกตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและรองรับการเปิดรับสมาชิก ของกองทุน รวมทั้งแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 เพื่อรับโอนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 กรณีบำนาญ ชราภาพของกฎหมายว่าด้วยประกันสังคมที่สมัครใจมาเป็นสมาชิก กอช. โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ทั้งที่โอนมาจาก กองทุนประกันสังคมและผู้ที่สมัครภายใน 1 ปีนับแต่วันที่กองทุนเปิดรับสมาชิก สามารถออมได้อีก 10 ปีนับแต่วันที่เป็นสมาชิก และออก พระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม เพื่อยกเลิกการดำเนินการตามมาตรา 40 กรณีดังกล่าวและโอนผู้ประกัน ตนมาที่ กอช.

ทั้งนี้ เมื่อการดำเนินการด้านกฎหมายข้างต้นแล้วเสร็จ กอช. จะรับโอนผู้ประกันตนจากกองทุนประกันสังคม มาตรา 40 กรณีบำนาญชราภาพ มาเป็นสมาชิก กอช. และรับสมัครสมาชิกรายใหม่ ซึ่งสมาชิก กอช. ทุกคนจะได้รับประโยชน์ตอบแทนตาม หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554

ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า ผู้มีสิทธิเป็นสมาชิกจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 15–60 ปี ไม่เป็น สมาชิกกองทุนอื่นใดที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน โดยสมาชิกสะสมเงิน เข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าครั้งละ 50 บาท แต่ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี และรัฐบาลจะให้เงินสมทบตามช่วงอายุของสมาชิกและเป็นอัตรา ส่วนกับจำนวนเงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุน โดยรัฐสมทบให้ร้อยละ 50 ร้อยละ 80 และร้อยละ 100 ของเงินสะสมของสมาชิกที่มี อายุตั้งแต่ 15 ปีแต่ไม่เกิน 30 ปี สมาชิกที่มีอายุเกิน 30 ปีแต่ไม่เกิน 50 ปี และสมาชิกที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป โดยรัฐสมทบไม่เกิน ปีละ 600 บาท 960 บาท และ 1,200 บาท ตามลำดับ

สำหรับประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ หากสมาชิกส่งเงินออมได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด สมาชิกจะได้รับบำนาญราย เดือนจนตลอดชีวิตเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีเป็นต้นไป หากสมาชิกเกิดเหตุทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี จะมีสิทธินำเงินในส่วนที่ สมาชิกได้ออมไว้มาใช้ก่อนได้ ส่วนเงินสมทบจากรัฐจะนำมาจ่ายบำนาญเมื่ออายุครบ 60 ปีขึ้นไป สำหรับสมาชิกที่มีความจำเป็นต้องลา ออกจากกองทุนจะได้รับคืนเฉพาะเงินที่ได้ออมไว้โดยไม่ได้รับเงินสมทบ

อย่างไรก็ดี ในกรณีนี้สมาชิกจะกลับเข้ามาเป็นสมาชิกของกองทุนได้อีกตามความสมัครใจ และหากสมาชิกเสียชีวิตกองทุน จะจ่ายเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีให้แก่ผู้ที่สมาชิกได้แจ้งชื่อไว้หรือให้แก่ทายาทของสมาชิก นอกจากนี้ รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนให้สมาชิก ได้รับดอกผลจากเงินออมไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือนโดยเฉลี่ยของธนาคาร 7 แห่งด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ