ทั้งนี้ รมช.คมนาคม เชื่อว่า การไปพบประธาน ICAO ในเดือนมิถุนายน จะเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว การดำเนินการตามมาตรการต่างๆของไทยส่วนใหญ่จะเห็นผลแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ จะทำให้การชี้แจงผลของแต่ละมาตรการที่ไทยทำไปมีความชัดเจน ตามประเด็นสำคัญต่างๆ ที่ ICAO ต้องการให้กรมการบินพลเรือนของไทยดำเนินการแก้ไข
ส่วนการประกาศคะแนนของ ICAO ในต้นเดือนมิถุนายน เชื่อว่าแผนที่ไทยจัดส่งให้ ICAO ไปแล้ว รวมทั้ง มาตรการระยะสั้น ที่กรมการบินพลเรือน ดำเนินการ ในส่วนของการแก้ปัญหาใน 3 ประเทศ ที่มีการจำกัดเที่ยวบินจากไทย ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน จะมีความชัดเจน สร้างความพอใจให้แก่ทั้ง 3 ประเทศ และ ICAO ในที่สุด เช่น มาตรการกรณีสายการบินเอเชี่ยนแอร์ที่เดินทางไปญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อสายการบินตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย ของชาเตอร์ไฟลท์ ลำดังกล่าว และ กรมการบินพลเรือน พบว่ายังมีข้อสังเกตให้ดำเนินการแก้ไข เมื่อสายการบิน รับไปดำเนินการ และแก้ไขแล้วเสร็จ แต่เอกสารมาถึงกระทรวงคมนาคมเกินเวลา เมื่อส่งไปกรมการบินพลเรือนของญี่ปุ่น (JCAB) ไม่ทันในเวลาทำการ ทำให้เที่ยวบินดังกล่าวต้องเลื่อน และเที่ยวบินนี้ เมื่อเดินทางไปถึงญี่ปุ่นไม่ได้มีการตรวจซ้ำที่ปลายทาง เนื่องจาก JCAB มีความมั่นใจมาตรการที่กรมการบินพลเรือนดำเนินการไปแล้ว