กสอ.เร่งเครื่อง 3 อุตสาหกรรมชายแดนใต้รับดีมานด์อาเซียน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 15, 2015 15:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชายแดนใต้เป็นพื้นที่ ที่มีระบบการผลิตครบวงจรตั้งแต่เกษตรขั้นต้น วัตถุดิบขั้นกลาง และการแปรรูปเพิ่มมูลค่าโดยอุตสาหกรรมการผลิตที่โดดเด่นและเป็นเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราสูงสุดอันดับต้นๆของประเทศ อาทิ ยางรถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถจักรยาน ถุงมือยาง และถุงยางอนามัย เป็นต้น มีมูลค่าการส่งออกรวมแล้วประมาณ 1.05 แสนล้านบาท (ที่มาข้อมูล :กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ, พฤศจิกายน 2557)

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็น อาหารแปรรูป อาหารทะเลและอาหารฮาลาล โดยจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดปัตตานีมีศักยภาพอย่างมากในการผลิต และแปรรูปอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และที่น่าจับตามองอีกหนึ่งอุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมที่มีการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคชาวมุสลิมในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งในอนาคตเชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดไปยังมุสลิมประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถมองหาโอกาสทางธุรกิจจากอุตสาหกรรมดาวเด่นดังที่กล่าวมาได้

นายอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการที่หลากหลายเพื่อพัฒนาให้ผู้ประกอบการสามารถใช้โอกาสในการขยายธุรกิจและการลงทุน เชื่อมโยงการค้าร่วมกับสมาชิกในอาเซียน ผ่านแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้งบประมาณกว่า 28 ล้านบาทผ่านโครงการคุณภาพหลายโครงการซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน อาทิ โครงการกลยุทธ์การค้าชายแดนโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่(NEC)โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมยางและไม้ยางพารา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง โครงการ Hand in Hand ฯลฯโดยคาดว่าคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้สูงขึ้น และประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25

ทั้งนี้ ศักยภาพทางเศรษฐกิจของชายแดนใต้เติบโตอย่างต่อเนื่องมีมูลค่าการค้าชายแดนสูงสุดในประเทศมีมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 51.9 ของมูลค่าการค้าชายแดนรวม โดยเฉพาะด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ ที่มูลค่าการค้าสูงเป็นอันดับ 1 และ 2 ของประเทศ ประมาณ 3.225 แสนล้านบาท และ 1.39แสนล้านบาท (ที่มาข้อมูล : กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ,พฤศจิกายน 2557) ทั้งนี้ แม้จะได้รับผลกระทบบ้างในการดำเนินชีวิตของประชาชนจากปัญหาจากความไม่สงบ แต่พื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญยังเติบโตได้ดีและไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย

นอกจากนี้ ในจังหวัดยะลาและนราธิวาสยังมีด่านชายแดนที่สำคัญอีก ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนสูง เช่น ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบ ด่านเบตง ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการขยายการส่งเสริมการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนใต้ 5 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา 4 อำเภอ ได้แก่ จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพาอาทิ การผ่อนผันให้ใช้แรงงานต่างด้าว การลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเหลือเพียง500,000 บาท ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี และส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มการลงทุนคลัสเตอร์ เป็นต้น (ที่มาข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) จะยิ่งเกื้อกูลให้เกิดการลงทุนจากนักลงทุนทั้งรายเดิมและรายใหม่ ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น นายอาทิตย์ กล่าวสรุป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ