รมว.คลัง ระบูอยากเห็น GDP ไทยปีนี้โต 3% รวมผลกระทบส่งออกชะลอตัวไปแล้ว

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 22, 2015 13:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า โดยส่วนตัวต้องการเห็นเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้เติบโตได้ถึง 3% ซึ่งเป็นการประมาณการที่วมกับผลกระทบจากการส่งออกชะลอตัวไปแล้ว และล่าสุดยังมีปัญหาที่สหภาพยุโรป(อียู)ให้ใบเหลืองการประมงของไทยที่อาจเกิดผลกระทบต่อการส่งออกเพิ่มขึ้น เพราะอียูเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกหลักของไทย โดยมั่นใจว่าทางการจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์กำลงเร่งรัดผลักดันเพื่อให้การส่งออกกลับมาขยายตัวดีขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังก็พร้อมเอาใจช่วยเต็มที่
"ไทยก็ต้องเร่งปัญหาในส่วนที่เขาเตือนมา และมั่นใจว่าเราจะแก้ปัญหานี้ได้ และที่ผ่านมาภาคการส่งออกเราได้รับผลกระทบมาตลอดไม่ใช่ว่าจะกระทบจากเรื่อง EU เรื่องเดียว"นายสมหมาย กล่าว

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงผลงาน 6 เดือนที่ผ่านมาว่า ส่วนตัวพอใจใรระดับหนึ่ง ซึ่งระยะเวลาเพียง 6 เดือนคงยังวัดผลงานได้ไม่มาก แต่ต้องมองระยะข้างหน้าเชื่อว่าจะสนุกและตื่นเต้นมากกว่านี้ แต่ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มที่เหมือนที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่งที่ผ่านมาเริ่มทำให้สถานการณ์เข้าที่แล้ว เงินลงทุนของภาครัฐมีเงินไหลเวียนในระบบตามรอบของการเบิกจ่าย ดังนั้นต้องรอดูผลในระยะต่อไป ระหว่างนี้อาจจะต้องเรื่องการปฏิรูปต่างๆให้สอดคล้องและเหมาะสมตามแผนงาน

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังมีเรื่องต้องเร่งดำเนินการอีกมาก อาทิ การดูแลระบบสถาบันการเงินของรัฐให้กระชับมากขึ้น ดูแลการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ ดูแลเรื่องการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและมีกำไร ดูแลเรื่องการใช้ที่ดินราชพัสดุ ที่ตอนนี้มีอยู่เยอะมาก โดยอาจนำมาใช้ประโยชน์ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ

ขณะที่เรื่องการปฏิรูปภาษีก็ยังจำเป็นต้องทำต่อเนื่องต่อไป โดยจะเน้นเรื่องการอุดช่องโหว่ของภาษี ซึ่งที่ผ่านมามีค่อนข้างมาก การจัดทำงบประมาณปี 59 ที่กำลังจะออกมาในอีก 2 เดือนยังต้องดูรายละเอียดอีกพอสมควร แต่ยืนยันว่าเป็นงบขาดดุลแน่นอน รวมทั้งดูแลเรื่องการบริหารจัดการการคลังภาคท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพสามารถหารายได้และใช้เงินอย่างคุ้มค่า

นายสมหมาย กล่าวต่อว่า เห็นด้วยที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะดึง ม.44 มาใช้แก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาเนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีวิธีใดที่แก้ไขปัญหาได้ทะลุทะลวง จึงเห็นว่าการใช้ ม.44 น่าจะเป็นิวธีเดียวที่แก้ปัญหาได้ เนื่องจากที่ผ่านมาเงินในกองทุนสลากที่ควรจะถึงผู้ถูกรางวัลแต่ไปไม่ถึง กลับไปตกกับบุคคลที่ 3 ซึ่งต้องเร่งแก้ปัญหาในส่วนนี้ และมั่นใจว่าการแก้ปัญหาสลากหลังจากนี้ทั้งในส่วนของกลไกและการบริหารจัดการสลากกินแบ่งรัฐบาลน่าจะทำได้อย่างเบ็ดเสร็จ ส่วนจะเริ่มได้เมื่อไหร่ก็ให้ยึดตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ว่าจะทำให้ได้ภายในงวดเดือนมิ.ย.นี้

ด้านนายวิสุทธ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวเสริมว่า ส่วนต่างราคาขายสลากที่ระบุไว้ที่ 80 บาท แต่ผู้ขายนำไปขายที่ฉบับละ 100 บาทขึ้นไป มีส่วนต่าง 1.8 หมื่นล้านบาท จากสลากในระบบทั้งหมด 74 ล้านฉบับ ต้องเร่งปัญหาว่าเงินตรงนี้มันหายไปไหน ถ้ามองในแง่ความเป็นจริงสำนักงานสลากจำหน่ายในผู้ขายมีส่วนลดให้อยู่แล้ว ดังนั้นการขายสลากที่ราคา 80 บาทจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ