พล.อ.ประวิตร ไม่คิดว่าไทยจะได้ใบเหลืองจากอียู เพราะไทยได้ดำเนินการมาโดยตลอด แต่ยังไม่เป็นไปตามหลักสากล จึงได้ทำความเข้าใจกับหน่วยงานทั้งหมดและตกลงกันว่าจะดำเนินการในด้านของกฎหมาย การติดตั้ง GPS เพื่อติดตามเรือ และจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อชี้แจงให้สหภาพยุโรป(อียู) เข้าใจการดำเนินการของไทย พร้อมจัดตั้งชุดเฉพาะกิจใน 22 จังหวัดเพื่อตรวจสอบเรือที่จะออกจากท่า และจะเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามความคืบหน้าในแต่ละสัปดาห์ โดยมั่นใจว่าไทยจะต้องได้ใบเขียวจาก EU ก่อนกำหนดใน 6 เดือนอย่างแน่นอน
ส่วนการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกาที่ไทยอยู่ในอันดับเทียร์ 3 นั้น อาจมีปัญหาในเรื่องของการจับกุมและดำเนินคดี ซึ่งจะต้องเรียกประชุมอีกครั้ง แต่ในขณะนี้มีความพยายามในการแก้ไขเพื่อให้ปรับลดอันดับลง
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำแผนปฎิบัติงาน(Action Plan) เสนอมายังที่ประชุม ครม.ใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อเป็นแผนดำเนินการแก้ปัญหาต่างๆ ควบคู่ไปกับการออกกฎหมาย ขณะเดียวกันเรือประมงตั้งแต่ 60 ตันกลอสขึ้นไป จะต้องมีการติดตั้ง ระบบติดตามเรือให้ครบทุกลำ โดยให้กองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ขณะที่เรือตั้งแต่ 30-60 ตันกลอส ก็ให้มีการติดตั้งระบบติดตาม VMS ได้ทันที พร้อมกับมอบหมายให้กรมเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพจัดชุดเฉพะกิจ ตรวจสอบ ติดตามเรือ ดูใบอนุญาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่การชี้แจงทำความเข้าใจกับอียูนั้น ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ต้องไปทำความเข้าใจกับภาคเอกชนที่นำเข้าสินค้าประมงไทย ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รายงานความคืบหน้าคดีความต้องมีความชัดเจน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย เพื่อรวบรวมข้อมูล ดำเนินการชี้แจงและแก้ปัญหาอย่างครบถ้วนขึ้นด้วย