ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ต้องการเน้นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทั้งในภาครัฐและเอกชน ตามแนวนโยบาย Digital Economy โดยจะเน้นการพัฒนาระบบ broadband และจัดทำ data center ขนาดใหญ่หลายแห่ง เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ(ICT) ของประชาคมอาเซียน และสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี
สำหรับรายละเอียดในการจัดทำ data center รัฐบาลจะมีการประกาศรายละเอียดที่ชัดเจนในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า ซึ่งบริษัท หัวเว่ยฯ ได้แสดงความพร้อมจะขยายความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาระบบสื่อสารดิจิตัล และเห็นว่าไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางด้านไอซีทีของอาเซียน โดยบริษัทฯ ยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาระบบ broadband และ data centre ในทุกรูปแบบ
ในโอกาสนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้เชิญชวนให้บริษัทฯ มาตั้งโรงงานผลิต(production base) ในประเทศไทย โดยใช้ประโยชน์จากการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะทำให้อัตราการจัดเก็บภาษีภายในอาเซียนเท่ากับศูนย์ และจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าของบริษัทฯ ในอาเซียนมีราคาลดลง โดยยังสามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงทางบกในการขนส่งจากไทย ไปยัง ลาว เวียดนาม กัมพูชาและเมียนม่าด้วย
โดยปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของบริษัท หัวเว่ย อยู่ในประเทศไทย และมีพนักงานคนไทยกว่า 900 คน จากพนักงานทั้งสิ้น 1,100 คน โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่รัฐบาลไทยกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ