บอร์ดรฟม. เตรียมเสนอครม.เปิดสัมปทานเอกชนทำรถไฟฟ้าสีชมพู-สีเหลือง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 4, 2015 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ด รฟม. เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.มีมติเห็นชอบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร(กม.) ค่าก่อสร้างงานโยธาจำนวน 31,261 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กม. ค่าก่อสร้างงานโยธาจำนวน 31,675 ล้านบาท ในรูปแบบ PPP Net Cost โดยให้สัมปทานเอกชนรับภาระลงทุน 100%(ทั้งค่าก่อสร้างงานโยธา ระบบราง ขบวนรถไฟฟ้า รวมถึงบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุง) โดยให้ รฟม.ดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556(พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56) ซึ่งรูปแบบนี้เหมาะสมกับระบบรถโมโนเรล โดยรัฐรับภาระความเสี่ยงน้อยที่สุด รับภาระการลงทุนน้อย ระยะเวลาก่อสร้างสั้นลง 6-12 เดือน และมีข้อดีในการบริหารจัดการในระยะยาว ซึ่ง รฟม.จะสรุปรายละเอียดเสนอกระทรวงคมนาคมภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำเสนอ ครม.ให้พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ หลักการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าทั่วไปในระบบเฮฟวี่เรล เช่น รถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมมหานครนั้นจะประมูล 3 สัญญา คือ สัญญาก่อสร้างงานโยธาและราง, สัญญาจัดหาระบบรถ และสัญญาผู้เดินรถ โดยทยอยประมูลทีละสัญญา แต่ระบบโมโนเรลนั้นจำเป็นต้องคัดเลือกระบบรถก่อนว่าเป็นโมโนเรลแบบใด เนื่องจากแต่ละระบบมีศักยภาพในการขนผู้โดยสารแตกต่างกันดังนั้น รฟม.จึงได้ทบทวนโครงการ โดยปรับเป็นการประมูลรวมเป็นแพคเกจ ทั้งงานก่อสร้างราง จัดหาระบบรถและบริหารการเดินรถ และซ่อมบำรุงไปพร้อมกัน โดยกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติ เทคนิคเป็นกรอบกว้างๆ ไว้ในเงื่อนไขการประกวดราคา(TOR) เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ เช่น กำหนดความต้องการในการขนผู้โดยสารประมาณ 35,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง การให้บริการ การซ่อมบำรุง และคัดเลือกรายที่มีข้อเสนอดีที่สุด คือ มีมูลค่าลงทุนต่ำที่สุด หรือกรณีที่ต้องให้รัฐสนับสนุนจะต้องน้อยที่สุดจึงจะเป็นผู้ชนะ โดยคาดว่าอายุสัมปทานที่เหมาะสมอยู่ที่ 30 ปี

"รูปแบบจะเหมือนโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เอกชนลงทุนก่อสร้างทั้งหมดและรับสัมปทานเดินรถรับความเสี่ยงแทนภาครัฐ ซึ่ง รฟม.ได้เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละวิธีอย่างรอบคอบ พบว่า การให้เอกชนลงทุน 100% สะดวกที่สุด สำหรับระบบโมโนเรล โดยวงเงินลงทุนรวมทั้งโครงการจะอยู่ที่ประมาณ 5.4-5.5 หมื่นล้านบาท รัฐจะรับภาระค่าเวนคืน และข้อเสนอที่เอกชนขอให้อุดหนุนเท่านั้นและรัฐจะกำหนดค่าโดยสารที่เหมาะสมได้เอง ซึ่งจะเปิดประมูลแบบสากล เอกชนจอยเวนเจอร์กันเข้ามา โดยปัจจุบันเทคโนโลยีโมโนเรลมีหลายประเทศ เช่น ฉงชิ่งของจีน, ฮิตาชิของญี่ปุ่น, บอมบาร์ดิเอร์ฝรั่งเศส, สโคมิของมาเลเซีย" พล.อ.ยอดยุทธ กล่าว

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ(หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ขณะนี้กำลังประสานกับ กทม.และ บก.จร.เพื่อจัดทำแผนก่อสร้างให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรน้อยที่สุด โดยกำหนดรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธินในเดือน ก.ย.และ สะพานข้ามแยก ม.เกษตรฯ ในเดือน พ.ย.นี้ และใช้เวลาก่อสร้างรวมประมาณ 2 ปีในช่วงดังกล่าว

สำหรับการคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ คาดว่า คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(บอร์ดสภาพัฒน์) จะประชุมกลางเดือน มิ.ย.นี้ หากบอร์ดสภาพัฒน์และกระทรวงการคลังเห็นชอบตามที่คณะกรรมการ มาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ให้เจรจาตรงกับ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL) ก็จะเสนอ ครม.เห็นชอบต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ