นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.15 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวันพุธที่ระดับ 34.95 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า แม้ที่ประชุม FOMC จะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ก็ตาม แต่มีสัญญานว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังขยายตัวได้ดี
"เงินบาทอ่อนค่าไปมากแม้ผลประชุม FOMC จะเป็นไปตามคาดการณ์ แต่มีสัญญาณชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังขยายตัวได้ดี" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้จะอยู่ในกรอบระหว่าง 35.10-35.20 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้อาจพักฐาน เคลื่อนไหวไม่มาก เพราะอ่อนค่าจากวันก่อนมามากแล้ว" นักบริหารเงิน กล่าว
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.1250 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(29 ก.ค.) อยู่ที่ 1.50558% ส่วน THAI BAHT FIX 6M(29 ก.ค.) อยู่ที่ 1.48300%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.04 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวันพุธที่ระดับ 123.59 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0935 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวันพุธที่ระดับ 1.1062 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 34.8850 บาท/ดอลลาร์
- ตลาดหลักทรัพย์ รับแผนนำบริษัทนอก จดทะเบียนล่าช้า เหตุต้องตรวจสอบระบบดูแลความเสี่ยง พร้อมเดินสายโรดโชว์และชักชวนเข้าระดมทุน คาดดึงได้ 10 บริษัทเร็วๆนี้ ขณะที่เอกชนไทยเมินนำสินทรัพย์ต่างประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นรูปแบบกองรีท เหตุต้องเสียภาษี 2 ต่อ ระบุ "ก.ล.ต."ขาดผู้เชี่ยวชาญส่งผลให้หลายบริษัทถอดแผน
- คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติแต่งตั้งให้นายเมธี สุภาพงษ์ เป็นรองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน เพื่อทดแทนตำแหน่งเดิมที่ว่างลง ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป
- "จักรมณฑ์" เตือนภาวะเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวจากข้อจำกัดหนี้สาธารณะบาน กระทบส่งออกไทยต่อเนื่อง ทุกฝ่ายต้องปรับตัว ขณะที่เอกชนเตรียม ทยอยปรับคาดการณ์ภาวะส่งออกปี 2558 ใหม่ ส่อแววติดลบขั้นต่ำ 4% สรท. เตรียมเคาะตัวเลขวันที่ 3 ส.ค.
- นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่เข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจกว่า 50 แห่ง โดยมีนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เป็นประธาน ว่า นายสมหมายสั่งการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง เร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจที่ยังเบิกจ่ายงบลงทุนได้ล่าช้าให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ให้เกิดการลงทุนที่คุ้มค่า
- นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุน 44 รายยื่นแสดงความจำนงในการเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ส่วนใหญ่นักลงทุนจีน, เมียนมา, มาเลเซีย, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำดื่ม, อาหารแปรรูป, เกษตรแปรรูป, ค้าปลีกค้าส่ง, การซ่อมยานยนต์, รักษาพยาบาล, ร้านทอง และโรงงานประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่าการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวมีความคุ้มทุนอย่างมาก จากความคึกคักของการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
- นายณัฐพล รังสิตพล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในอนาคต จะผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากส่งเสริมโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตร ฐานสากล (อีโคคาร์) ไปแล้ว เนื่องจากเป็นแนวโน้มความต้องการของโลกมากขึ้นแต่การเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ ต้องใช้เวลา เพราะเป็นการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมด
- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.กำลังมีการเจรจากับธนาคารกลางมาเลเซีย เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตรงระหว่างกันในการค้าขายและการลงทุน (Local Currency) โดยเริ่มต้นด้วยการโค้ดราคาเงินตรงระหว่างเงินบาทและเงินริงกิตของมาเลเซีย และมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการถือเงินริงกิตและเงินบาทของนักลงทุนไทย และมาเลเซียมากขึ้น โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งน่าจะประสบความสำเร็จ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.ลดลง 4.6 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ระดับ 1,088.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ย.ลดลง 4.7 เซนต์ ปิดที่ 14.696 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ ปิดที่ 989.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 4.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 620.55 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ แต่สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ(EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ลดลง 27 เซนต์ ปิดที่ 48.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 7 เซนต์ ปิดที่ 53.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมติในการประชุมเมื่อวานนี้ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ขณะที่ระบุถึงความคืบหน้าในตลาดแรงงาน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดยังคงเดินหน้าในความพยายามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หรือช่วงต่อไปในปีนี้
- ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสได้หนุนคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0921 ดอลลาร์สหรัฐจาก 1.1006 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5600 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5610 ดอลลาร์สหรัฐ, ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.24 เยน จาก 123.94 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9701 ฟรังก์ จาก 0.9670 ฟรังก์, ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7286 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7298 ดอลลาร์