นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.06/07 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 35.25 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก หลังตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ไม่ดี
"ดอลลาร์อ่อนค่าย่อตัวลงมาเมื่อเทียบกับเยนและยูโร หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาไม่ค่อยดี" นักบริหารเงิน กล่าว
ปัจจัยที่ตลาดจับตาดูวันนี้ กระทรวงพาณิชย์จะประกาศอัตราเงินเฟ้อประจำเดือน ก.ค.58 และช่วงกลางสัปดาห์จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ขณะที่จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐ
นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้จะอยู่ในกรอบระหว่าง 35.00-35.10 บาท/ดอลลาร์
"เงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่าในระยะยาว แต่ช่วงสั้นๆ ที่แข็งค่ากลับมาตามแรงเทขายทำกำไร" นักบริหารเงิน กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.00 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 124.20 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0972 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0939 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1760 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายของประเทศในเดือน มิ.ย.นี้ ว่า เงินทุนยังไหลเข้าสุทธิ 1,655 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท (คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 35.18 บาท/เหรียญสหรัฐ) เป็นการไหลเข้าต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ไหลเข้าสุทธิ 1,212 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท
- ธปท.เผยไตรมาส 3 สถาบันการเงินส่วนใหญ่ ยังคงเข้มงวดในการปล่อยกู้ต่อไป เพื่อรักษาคุณภาพสินเชื่อ แม้ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาความต้องการสินเชื่อกลุ่มนี้น้อยกว่าคาดการณ์ไว้ ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่เน้นออกหุ้นกู้ ทำให้แนวโน้มปล่อยสินเชื่อธุรกิจน่าจะทรงตัว ส่วนภาคครัวเรือนยังระมัดระวังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการบริโภคอื่นๆ
- ธปท.เผยภาคธุรกิจส่วนใหญ่คาดการบริโภคกลับมาฟื้นตัวลากยาวไปถึงปี 59 ลุ้นนโยบายรัฐ การท่องเที่ยวจะดีขึ้นหลังเห็นสัญญาณจองห้องพักล่วงหน้าไปถึงไตรมาส 4 ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่หันไปกลุ่ม CLMV และเริ่มเห็นสัญญาณการเก็งกำไรในคอนโดฯ บางจุด ด้านต้นทุนแรงงานภาคบริการมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น แต่บางกลุ่มธุรกิจจะมีการลดการใช้แรงงานชั่วคราว
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีคาด กนง.จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 5 สิงหาคม รอดูพัฒนาการของเศรษฐกิจไทย แต่ยังมีโอกาสที่ กนง. จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งภายในปี 2558 เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงสูง
- นักเศรษฐศาสตร์ เสียงส่วนใหญ่ คาด กนง. ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% หลังเงินบาทอ่อนค่า เอื้อนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น รอดูตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ก่อนพิจารณาอีกครั้ง บางส่วนแนะจับตาแรงกดดันเฟด อาจกดดัน กนง. สร้างเซอร์ไพร์สลดดอกเบี้ยรอบนี้ จากปัจจัยเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
- กระทรวงการคลัง เร่งเบิกจ่ายลงทุนซ่อมสร้างถนน-โครงการน้ำฯ เติมเงินเข้าสู่ระบบ ตลอดจนเร่ง “เมกะโปรเจกท์” หลังตัวเลขส่งออก ตัวกระตุ้นหลักลดลงต่อเนื่อง
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทพลังงานรายใหญ่อย่างเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงความเปราะบางของตลาดแรงงานสหรัฐ และทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 1,095.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 4.9 เซนต์ ปิดที่ 14.765 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.ลดลง 5 ดอลลาร์ ปิดที่ 985 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 9.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 610.85 ดอลลาร์/ออนซ์
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการตัดสินใจเรื่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 123.93 เยน จากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 124.24 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9663 ฟรังค์ จากระดับ 0.9701 ฟรังค์, ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.0981 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0921 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5618 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5600 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7304 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7286 ดอลลาร์สหรัฐ