(เพิ่มเติม) ธปท.ระบุอุปสงค์ในปท.-ตปท.อ่อนแอฉุดความเชื่อมั่น-เศรษฐกิจเดือน ก.ค.58

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 31, 2015 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.58 ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ โดยมีเพียงภาคการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกสินค้าโดยรวมยังคงซบเซาจากความต้องการสินค้าประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่วนการบริโภคภาคเอกชนลดลงสอดคล้องกับรายได้ที่ยังไม่ดีและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำลง อุปสงค์อ่อนแอทั้งในและต่างประเทศกระทบความเชื่อมั่นของธุรกิจและส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนอยู่ในระดับต่ำ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงติดลบตามราคน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวจากเดือนก่อน โดยมีแรงงานภาคเกษตรย้ายออกไปทำงานนอกภาคเกษตรอย่างต่อเนื่อง ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลตามการนำเข้าที่ลดลง

ธปท.ระบุว่า ในเดือน ก.ค.58 การส่งออกสินค้ายังคงซบเซาตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอาเซียนซึ่งท่าให้การส่งออกสินค้าหลายหมวดหดตัว และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ และปิโตรเคมีที่ราคาลดลงตามราคาน่ามันดิบในตลาดโลกและปริมาณชะลอลงตามอุปสงค์ประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ การส่งออกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ลดลงในเกือบทุกตลาด เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนรสนิยมไปใช้สินค้าไฮเทคมากขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้าประมงและอาหารทะเลแปรรูปประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ

ดังนั้น มูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนนี้จึงหดตัว 3.1% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 แม้การส่งออกสินค้าบางหมวดจะปรับดีขึ้นบ้าง อาทิการส่งออกรถยนต์โดยเฉพาะที่ส่งออกไปตลาดยุโรป ตะวันออกกลางและออสเตรเลีย รวมทั้งการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าไปตลาดตะวันออกกลางตามภาวะอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มประเทศดังกล่าวที่ปรับดีขึ้น

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับลดลงหลังจากที่เร่งขึ้นในเดือนก่อน ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทน หมวดสินค้ากึ่งคงทน และหมวดบริการด้านการขนส่งที่ต่าลง รวมทั้งการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนที่ชะลอลงจากเดือนก่อน สะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือน เนื่องจาก รายได้เกษตรกรหดตัวมากขึ้นจากทั้งผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง ขณะที่รายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรทรงตัวต่อเนื่อง ประกอบกับผู้บริโภคมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์ภัยแล้ง

อุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอท่าให้ความเชื่อมั่นของธุรกิจปรับลดลง และการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมยังอยู่ในระดับต่า แม้จะปรับดีขึ้นบ้างจากเดือนก่อนจากผลของปัจจัยชั่วคราวตาม (1) การผลิตรถยนต์หลังผู้ผลิตรายใหญ่เสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนสายการผลิต (2) การผลิตเบียร์ที่ผู้ประกอบการเร่งผลิตผลิตภัณฑ์เดิมก่อนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และ (3) การผลิตเคมีภัณฑ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นเพื่อสะสมสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนทรงตัวอยู่ในระดับต่า โดยการลงทุนด้านก่อสร้างต่าลงตามภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว ซึ่งถูกชดเชยด้วยการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในส่วนของรถยนต์เชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ อย่างไรก็ดี การลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ในกลุ่มอื่นๆ ยังมีไม่มากโดยเฉพาะการลงทุนเพื่อขยายก่าลังการผลิต

สำหรับการนำเข้าสินค้าสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยมูลค่าการน่าเข้าสินค้าหดตัว 10.6% จากระยะเดียวกันปีก่อน และเป็นการหดตัวในทุกหมวดภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยจ่านวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2.6 ล้านคน ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนตามการเข้ามาของนักท่องเที่ยวยุโรปและเอเชียที่ไม่รวมจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่จ่านวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงบ้างหลังจากที่ขยายตัวสูงในช่วงก่อนหน้า

ส่วนการเบิกจ่ายภาครัฐท่าได้ดีต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยการซื้อสินค้าและบริการสูงขึ้นโดยเฉพาะจากหน่วยงานด้านการศึกษา ขณะที่การใช้จ่ายลงทุนทั้งในและนอกงบประมาณยังมีอยู่ต่อเนื่อง แม้แผ่วลงบ้างหลังจากที่เร่งเบิกจ่ายไปมากในช่วงก่อนหน้า โดยการลงทุนส่วนใหญ่ในเดือนนี้ยังคงเป็นโครงการด้านคมนาคม ขนส่ง และชลประทาน ด้านรายได้รัฐบาลเพิ่มขึ้น 4.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน่ามันดีเซลเป็นหลัก อย่างไรก็ดี การจัดเก็บภาษีที่สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีฐานการค้าระหว่างประเทศหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.05 ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่า แม้ราคาอาหารสดโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ปรับสูงขึ้นบ้าง เพราะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ในระดับต่าที่ 0.9% หลังปรับฤดูกาล โดยแรงงานในภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่าและภาวะภัยแล้งเคลื่อนย้ายไปท่างานนอกภาคเกษตรโดยเฉพาะภาคบริการในสาขาที่มีผลตอบแทนไม่สูงนัก

ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.1 พันล้านดอลลาร์สรอ. จากการน่าเข้าสินค้าที่ลดลง ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุล 2.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากการช่าระคืนเงินกู้ระยะสั้นของสถาบันรับฝากเงิน และการขายหลักทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติสอดคล้องกับภูมิภาค ท่าให้โดยรวมแล้วดุลการช่าระเงินขาดดุล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ