นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.81 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงปิดดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.75 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามภูมิภาค โดยปัจจัยภายในมาจากการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศ
"เช้านี้เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าจาก flow ไหลออก หลังวานนี้มีแรงเทขายพันธบัตรกว่า 6 พันล้านบาท มากสุดในรอบ 4 เดือน และต่างชาติขายหุ้นกว่า 1 พันล้านบาท" นักบริหารเงิน กล่าว
ปัจจัยต่างประเทศจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐเมื่อคืนนี้ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์เล็กน้อยแต่ไม่ส่งผลต่อตลาดมากนัก นักลงทุนน่าจะรอดูผลประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันนี้ และการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐช่วงค่ำวันศุกร์
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 35.75-35.90 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม
"เงินบาทยังแนวโน้มอ่อนค่า ช่วงนี้ผันผวนสูง" นักบริหารเงิน กล่าว
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.8500 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(2 ก.ย.) อยู่ที่ 1.82563% ส่วน THAI BAHT FIX 6M(2 ก.ย.) อยู่ที่ 1.74430%
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.49 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 120.07 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1216 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1261 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.7510 บาท/ดอลลาร์
- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ชี้แจงถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า มาตรการ 3 ด้านที่รัฐบาลได้ประกาศออกมาภายใต้งบประมาณ 1.36 แสนล้านบาทเป็นส่วนเติมเต็มในสิ่งที่ขาดเพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไม่ให้ลงลึกไปมากกว่านี้
- นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.3 แสนล้านบาทที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเมื่อวานนี้ ถือว่ามีความเหมาะสม และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเชื่อว่าน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก
- ธปท.เผยหลังผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้คนไทยลงทุนต่างประเทศสะดวกขึ้น และต่างชาติทำธุรกิจในไทยคล่องตัวมากขึ้น พบธุรกรรมตลาดเพิ่มขึ้น และยังไม่พบพฤติกรรมน่ากลัว ระบุการเคลื่อนไหวเงินบาทไม่ใช่การผ่อนคลายกฎอย่างเดียว ส่วนเปิดทางคนไทยลงทุนนอกด้วยตัวเองไม่ผ่านตัวกลาง เป็นจุดเริ่มต้นสร้างรายได้และลูกค้าของตัวกลางเพิ่มขึ้น
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ประเมินความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือ SME ของธนาคารพาณิชย์ไทย มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่อาจส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์โดยรวมปรับตัวแย่ลง และส่งผลให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างธุรกิจที่กระจายตัว และมีความหลากหลายกว่า น่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าวได้ดีกว่า และไม่น่าจะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตมากนัก
- กกร. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสิ้นสุดไตรมาส 3 ก่อนพิจารณาทบทวนเป้าในการประชุมเดือน ต.ค.58 มั่นใจการท่องเที่ยวการใช้จ่ายรัฐ 1.3 แสนล้านเป็นแรงขับเคลื่อนหลักกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเห็นผลภายใน 3 เดือน
- พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมรัฐมนตรีในสังกัดที่กำกับดูแล ได้แก่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน และนายอุตตม สาวนายน รมว.ไอซีที ซึ่งทาง พล.อ.ดาว์พงษ์ และ พล.อ.อนันตพร ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นการประชุมร่วม ซึ่ง พล.อ.อ.ประจิน ต้องการให้ทั้ง 3 กระทรวงทำงานสอดคล้องและร่วมมือกันทำงาน เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้กับการศึกษา และนำระบบการศึกษามาสนับสนุนการรับรู้เรื่องพลังงาน เป็นต้น
- ผู้จัดการตลาดหุ้น mai เผยตลาดหุ้นโลกผันผวนกระทบตลาดหุ้น mai ร่วงลงกว่า 50 จุดเทียบกับปีก่อน แต่ภาพรวม Market Cap ยังสูงกว่าตลาดย่อยสิงคโปร์และมาเลเซีย พร้อมประสาน ก.ล.ต.บ่มเพาะบริษัทจดทะเบียน หาช่องระดมทุน เตรียมทำ IPO ในอนาคต
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ลดลง 6.2 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ 1,133.60 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวขึ้นเกินคาดในไตรมาส 2 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ และยังสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ ปิดที่ 50.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพ และดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1240 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1309 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.23 เยน จาก 119.69 เยน