"อาคม"แจงความมั่นใจกกร.เดินหน้าแผนลงทุน 17 โครงการปี 58-59 ผลักดันเป็นรูปธรรม

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 3, 2015 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของรัฐบาล ซึ่งในปี 2558-2559 มีแผนเร่งรัดเพื่อขับเคลื่อนงาน 17 โครงการให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาให้ภาคเอกชน โดยจะมีการประชุมร่วมกันทุก 2 เดือน จากเดิมทุก 3 เดือน และแบ่งเป็น 4 หมวด คือ ทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ ทางราง และแต่ละหมวดจะแยก 3 ประเด็น ได้แก่ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน, ด้านกฎกติกาต่างๆที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ และปัญหาเร่งด่วนที่กระทบต่อการทำธุรกิจ

สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหา ได้แก่ การขนส่งด้วยรถบรรทุก กรณีน้ำหนักระหว่าง 1,600 กก.และ 2,200 กก. และความสูงที่ 4 เมตร กับ 4.20 เมตร ซึ่งมีกฎหมายเกี่ยวข้อง 2 ฉบับ คือ กฎหมายขนส่งทางบก และกฎหมายจราจร เช่น รถเทรเลอร์ขนส่งรถยนต์เพื่อส่งมอบไปยังศูนย์จำหน่ายตามภูมิภาค ตามกฎหมายขนส่งทางบก กำหนดความสูงวัดจากพื้นถึงตัวรถไม่เกิน 4 เมตร เมื่อขนส่งจริงความสูงเกินมาอยู่ที่ 4.20 เมตร ซึ่งจะเข้ากฎหมายจราจร ซึ่งเป็นปัญหาจึงจะรวบรวมปัญหาเพื่อเร่งเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) เพื่อพิจารณาปรับให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ รวมถึงการขนส่งด้วยรถบรรทุกระหว่างไทยและมาเลเซียที่มีปัญหาเรื่องมาตรฐานรถ ซึ่งกระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) รับที่จะเจรจากับมาเลเซียเพื่อแก้ปัญหาและทำให้เอกชน 2 ฝ่ายสามารถนำรถวิ่งเข้าไปทำธุรกิจได้สะดวกมากขึ้น

นอกจากนี้ ภาคเอกชนต้องการความชัดเจนในการพัฒนาสนามบินภูมิภาคที่นครพนมและบุรีรัมย์ เพื่อยกระดับเป็นสนามบินนานาชาติ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ประกอบกับสามารถเชื่อมต่อกับเวียดนามและกัมพูชาได้ ซึ่งจะยกระดับเป็นสนามบินนานาชาติได้หรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาข้อจำกัดหลายเรื่อง เช่น มีเที่ยวบินระหว่างประเทศบินตรงมาใช้บริการหรือไม่ ซึ่งพบว่ายังไม่มี ดังนั้นอาจจะเป็นการให้บริการเที่ยวบินต่อเชื่อมแบบ Connecting Flight โดยรองรับผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศจากสนามบินหลักส่งต่อมากับเที่ยวบินภายในประเทศ ซึ่งจะต้องเตรียมบุคลากรด้านตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ไว้รองรับผู้โดยสาร C.I.Q

ด้านนายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แผนงานการลงทุน 17 โครงการภายในปี 2558-2559 ถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว เพราะทุกโครงการมีความสำคัญทั้งทางถนน ทางราง ทางอากาศ และเชื่อว่ารัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อลงทุนในแต่ละโครงการอย่างชัดเจน จึงรู้สึกมั่นใจว่าจะสามารถเดินหน้าทั้ง 17 โครงการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และขณะนี้ภาคเอกชนจะยังไม่เสนออะไรเพิ่มเติม เพราะต้องการให้รัฐบาลขับเคลื่อน 17 โครงการที่เร่งด่วนออกมาให้ได้ก่อน เนื่องจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความสะดวก จะเพิ่มความคล่องตัวในการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลนี้ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจให้กับภูมิภาคและจังหวัดต่างๆ ส่วนเอกชนนั้นพร้อมที่จะเข้าลงทุนในส่วนที่สนับสนุนเช่น จุดพักรถ หรือร้านค้าร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงภาคการผลิต

"หลายโครงการจะมีการลงทุนพัฒนานั้นอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นภาคที่ยังมีความสามารถในการพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะภาคการเกษตรและภาคการผลิต เมื่อมีระบบโครงข่ายคมนาคมที่คล่องตัวมากขึ้น การลงทุนในภาคการผลิต การเกษตรจะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย" นายสมเกียรติ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ