ครม.เห็นชอบอุทธรณ์มติ ครม.ปรับขึ้นค่าโทลล์เวย์ให้ทันกำหนด 17 ก.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 15, 2015 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมที่จะให้มีการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางกรณีพิพากษาเพิกถอนมติ ครม.เมื่อวันที่ 11 เม.ย.49 และ 10 เม.ย.50 ในการแก้ไขสัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์เกี่ยวกับอัตราค่าผ่านทาง ซึ่งแม้จะยังเหลือระยะเวลาที่จะสามารถอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 17 ก.ย.นี้ แต่เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ทัน

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากรัฐบาลก่อนได้มีการออกมติ ครม.เพื่อปรับขึ้นค่าผ่านทางโทลล์เวย์ ซึ่งเป็นการชดเชยให้แก่บริษัทดอนเมืองโทลล์เวย์ ที่ได้เคยลดค่าผ่านทางไปก่อนหน้านี้ จึงทำให้มีผู้เสียประโยชน์ไปยื่นฟ้องร้องคดี ซึ่งครั้งแรกศาลได้ยกฟ้องคดี แต่ครั้งต่อมามีการยืนฟ้องร้องอีก ซึ่งศาลได้ตัดสินให้มติครม.ชุดนั้นมีไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการดำเนินการในลักษณะที่หวังผลประโยชน์อย่างอื่น

“ครม.ก่อนนั้น มีความประสงค์อยากได้คะแนนเสียง จึงขอให้ลดอัตราการเก็บค่าผ่านทางลง และเมื่อได้รับการเลือกตั้ง จึงออกเป็นมติครม.เพื่อให้การชดเชยแก่บริษัท ดอนเมืองโทลล์เวย์ ที่ได้เคยลดค่าผ่านทางไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียประโยชน์ไปฟ้องร้องคดี โดยครั้งแรกศาลยกฟ้อง และครั้งที่ 2 มีการฟ้องร้องอีกแต่แพ้คดี ดังนั้นสำนักงานอัยการสูงสุดจึงทำหนังสือแจ้งว่าที่ศาลตัดสินมานั้นขอให้รับตามนี้ไม่ต้องอุทธรณ์ แต่ที่ประชุมครม.รับทราบตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมว่าเป็นแบบนั้นไม่ได้ เพราะจะเป็นบรรทัดฐานให้รวนไปทั้งระบบ" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

ทั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่สมัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรมว.คมนาคมแล้ว ดังนั้น แม้จะเหลือเวลาอีกเพียง 2 วันก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องถูกต้องที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ว่าไม่สามารถละเลยเรื่องเหล่านี้ได้ แต่ต้องดำเนินการเพื่อประเทศ ประชาชน

“เราจะไปมีมติเพิกถอนมติ ครม.เดิมไม่ได้ เพราะต้องมีการจ่ายเงินกัน เก็บเงินมาแล้วจะจ่ายเงินคืนใคร เราจึงยืนยันว่าครม.ไม่สามารถไปเพิกถอนมติครม.เดิมได้ เพราะเป็นการออกมติที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องตัวเงินชดใช้ เราจึงต้องอุทธรณ์" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ