โดยขณะนี้มีธนาคารที่ส่งคำขอให้ บสย.อนุมัติค้ำประกันแล้ว 7 ธนาคาร ประกอบด้วย 1.ธนาคารทหารไทย 2.ธนาคารกสิกรไทย 3.ธนาคารไทยพาณิชย์ 4.ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) 5.ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย 6.ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย และ 7.ธนาคารธนชาต โดยนับถึงวันที่ 30 ก.ย.58 บสย.อนุมัติแล้วจำนวน 343 ราย คิดเป็นวงเงินค้ำประกันรวม 2,030 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีคำขอค้ำประกันจากธนาคารต่างๆ เข้ามายัง บสย.อีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากธนาคารอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
"ตัวเลขค้ำประกันที่เพิ่มขึ้นทันที สะท้อนถึงความสำเร็จของการผลักดันมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ของรัฐที่บูรณาการความร่วมมือระหว่าง บสย. เครื่องมือสำคัญภาครัฐและธนาคารพันธมิตรร่วมกันเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยมีโครงการ PGS5 ปรับปรุงใหม่ของ บสย.เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อน" นายญาณศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 5 ปรับปรุงใหม่ วงเงินค้ำประกัน 1 แสนล้านบาท เป็นโครงการที่เปิดกว้างสำหรับทุกธนาคารที่ได้ร่วมลงนามกับ บสย. และสามารถใช้ได้กับสินเชื่อทุกแพคเกจโดยมีรัฐบาลรับภาระจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทนผู้ประกอบการ SMEs ต่อเนื่อง 4 ปี(แบบขั้นบันได) โดยในปีแรกรัฐเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียม(ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน) ส่วนปีที่ 2 รัฐบาลจ่ายค่าธรรมเนียมให้ 1.25% ปีที่ 3 ในอัตรา 0.75% และปีที่ 4 ในอัตรา 0.25%