นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 36.28/29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 36.35 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค หลังดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก เนื่องจากเมื่อคืนประกาศตัวเลขขาดดุลการค้ามากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ตลาดเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีโอกาสสูงมากขึ้นที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ออกไป
"เงินบาทแข็งค่าตามภูมิภาค หลังดอลลาร์อ่อนค่า against ทุกสกุลเงินหลัก โดยตลาดเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะ delay การปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไป" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 36.17-36.30 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้บาทมีทิศทางแข็งค่าตามภูมิภาค ตอนนี้(08.55 น.)ลงมาอยู่ที่ 36.22(บาท/ดอลลาร์)แล้ว" นักบริหารเงิน กล่าว
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 36.2000 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(6 ต.ค.) อยู่ที่ 1.62449% ส่วน THAI BAHT FIX 6M(6 ต.ค.) อยู่ที่ 1.71418%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.28 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 120.29 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1267 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1208 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 36.3490 บาท/ดอลลาร์
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเมินเวิลด์แบงก์ลดจีดีพีไทย ยืนได้แน่ 3% เชื่อมาตรการอัดฉีดของรัฐช่วยปีหน้าโตขึ้น ขณะที่แบงก์พาณิชย์คงคาดการณ์ต่ำกว่า 3% ด้าน กกร.หดเป้ารอบใหม่เหลือ 2.5% ยกปัจจัยรุมเร้าส่งออกติดลบสูง
- แบงก์ประเมินเศรษฐกิจปีหน้ายังเสี่ยงสูง จากปัจจัยต่างประเทศที่จะเข้ามากระทบเป็นหลัก ทั้งเศรษฐกิจโลก-จีนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ห่วงลากเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน เตือนรับมือเงินทุนผันผวน สงครามค่าเงินยังไม่จบ
- นักวิเคราะห์เตือนดัชนีหุ้นไทยยังเผชิญแรงขายทำกำไร จับตาแนวต้านจิตวิทยา 1,380 จุดหากผ่านอาจพุ่งขึ้นทดสอบ 1,400 จุด เนื่องจากโครงสร้างหลักของดัชนีเริ่มเป็นบวก แนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า และกลุ่มก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเลื่อนแผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปจนถึงปี 2559 หรืออาจจะนานกว่านั้น อันเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด โดยดัชนี ภาคการผลิตและการจ้างงานที่เริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัวลง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดตัดสินใจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกออกไปก่อน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ(EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนก.ย. พร้อมกับคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงไปจนถึงช่วงกลางปี 2559 ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.พุ่งขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 48.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน พ.ย.พุ่งขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 5.4% ปิดที่ 51.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือน ก.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.พุ่งขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ระดับ 1,146.40 ดอลลาร์/ออนซ์
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเงินเยนเมื่อคืนนี้เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1273 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1180 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.27 เยน จาก 120.47 เยน