เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้เข้าพบกรมประมงเพื่อขอให้อำนวยความสะดวกในการนำเข้ากุ้ง เพราะขณะนั้นผลผลิตกุ้งในไทยในช่วง 4 เดือนแรกมีปริมาณน้อยมาก ขณะที่ผู้ประกอบการห้องเย็นต้องการหากุ้งมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออก และส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ากุ้งต้มสุก ผู้ประกอบการไม่มีความตั้งใจจะนำเข้ากุ้งเพื่อมากดดันราคากุ้งไทย และมีมาตรการว่า หากต้องการนำเข้ากุ้งต้องซื้อผลผลิตกุ้งในประเทศ ในอัตรากุ้งไทย 2 ส่วน ต่อกุ้งนำเข้า 1 ส่วน
"โดยปกติไม่มีกฎหมายห้ามนำเข้ากุ้ง แต่มีกระบวนการตรวจสอบโรคติดต่อ ของกรมประมงใช้เวลานาน กรณีการขอนำเข้ากุ้งอินโดนีเซียเป็นสมาชิกของสมาคมฯ จริง ที่ได้ร่วมทุนกับญี่ปุ่น โดยมีฟาร์มเลี้ยงกุ้งในเกาะ Serum ซึ่งเลี้ยงกุ้งไซต์ใหญ่ ต้องการนำเข้ากุ้งมาแปรรูปเพื่อส่งออกไปญี่ปุ่นและสหรัฐฯ แต่กรมประมงมีขั้นตอนตรวจสอบใช้เวลานาน เอกชนรายนั้นจึงยื่นหนังสือยกเลิกนำเข้าแล้ว และส่งไปแปรรูปที่เวียดนามแทนแล้ว" นายพจน์ กล่าว
สำหรับปัญหาราคากุ้งในประเทศตกต่ำช่วงที่ผ่านมาไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ไม่ได้มีสาเหตุจากการนำเข้าจากอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดีปัจจุบันราคาได้ดีดกลับขึ้นมาแล้ว ส่วนการช่วยเหลือเกษตรกรนั้นทางห้องเย็นได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่การหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดอื่นที่หายไปนั้นต้องยอมรับว่าตลาดกุ้งมีจำกัด และขณะนี้ไทยสูญเสียตลาดกุ้งหักหัวไปแล้วเพราะมีผู้ผลิตประเทศอื่นเข้ามาทดแทน แต่ไทยยังเป็นผู้นำในตลาดกุ้งต้มในโมเดิร์นเทรด และกุ้งแหวน
ทั้งนี้ การผลิตกุ้งภายในประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 159,000 ตัน และสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ 240,000-250,000 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขการผลิตที่ดีขึ้นหลังจากประสบปัญหาโรคตายด่วน แต่ยังไม่ถือว่าอยู่ในระดับปกติที่แต่ละปีการผลิตกุ้งไทยจะอยู่ที่ 4-5 แสนตัน หากว่าผลผลิตของไทยสามารถกลับไปที่ 3-3.5 แสนตันก็สามารถทำให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับมาดีขึ้น
นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เสนอให้กรมประมงจัดตั้ง กรอ.กุ้ง โดยมีตัวแทนผู้ผลิตและส่งออก เกษตรกรผู้เลี้ยง และผู้แทนภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายละ 3 คน ร่วมกำหนดนโยบายและวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อความความยั่งยืนของอุตสาหกรรมต่อไป