เนื่องจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในปีนี้ยังคงมีแนวโน้มส่งผลกระทบยาวต่อจนไปถึงปี 2559 โดยเฉพาะการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนที่จะส่งผลทางตรงและทางอ้อมต่อไปถึงเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ ที่มีการพึ่งพาการส่งออกไปจีนเป็นหลัก อย่างอาเซียน 5 และญี่ปุ่น รวมไปถึงเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศสำคัญในตลาดสหภาพยุโรป นอกจากนี้การส่งออกของไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวในการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ล้าสมัย และปัญหาการย้ายฐานผลิตของเครื่องใช้ไฟฟ้าออกจากไทยไปยังเวียดนาม
อย่างไรก็ดี SCB EIC คาดว่าการส่งออกไทยในปี 2559 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปีนี้ เนื่องจากผลของฐานราคาน้ำมันและการถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี GSP จากกลุ่มสหภาพยุโรปจะหมดไป อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการส่งออกไปยังตลาด CLMV ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าลงในปีหน้าจะช่วยผลักดันการส่งออกของไทยต่อไป โดยการส่งออกในรูปเงินบาทในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้หดตัวลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเพียง 1.5% นอกจากนี้การที่ไทยเกินดุลการค้ามาอย่างต่อเนื่องในปีนี้จากการนำเข้าที่หดตัวรุนแรงจะช่วยเพิ่มดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยให้แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศที่จะช่วยป้องกันภาวะเงินทุนไหลออกอย่างรวดเร็วได้
เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกไทยเดือน ต.ค.58 อยู่ที่ 18,566 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือหดตัวจาก ต.ค.57 กว่า 8.1% โดยหดตัวลงมากที่สุดในปีนี้และรุนแรงกว่าเมื่อเดือนก่อนหน้า ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ 16,465 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวลงกว่า 18.2% ทั้งนี้มูลค่าการนำเข้าที่หดตัวมากกว่าการส่งออก ส่งผลให้ไทยยังคงเกิดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ต.ค.58 เกินดุลการค้าเพิ่มราว 2,101 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
SCB EIC มองว่าอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกกดดันให้การส่งออกของไทยหดตัวลงต่อเนื่องมาถึงเดือน ต.ค.58 มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังตลาดพัฒนาแล้วหดตัวลงในเดือน ต.ค.58 โดยมูลค่าการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปหดตัวลงราว 12% เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ ที่หดตัว 1.4% อีกทั้งการส่งออกไปยังจีนก็ยังคงหดตัวที่ 3.6% จากภาคการผลิตในจีนที่ชะลอลง โดยเศรษฐกิจจีนมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่องเป็นปัจจัยหนึ่งที่ได้ส่งผลกระทบต่อไปยังเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นๆ อย่างญี่ปุ่นและอาเซียน 5 โดยส่งผลให้การส่งออกของไทยไปยังตลาดดังกล่าวหดตัวลง 13.9% และ 18.2% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี การส่งออกไปยังตลาด CLMV ยังสามารถขยายตัวได้ที่ 1% ในเดือน ต.ค.58 โดยตลาด CLMV ก้าวเข้ามาเป็นคู่ค้าหลักของไทย โดยมีสัดส่วนต่อการส่งออกทั้งหมดของไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10% ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับตลาดญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป