ทั้งนี้ คาดว่าในปี 59 นี้ จะเริ่มปล่อยงบประมาณสนับสนุนได้ 1,845 ล้านบาท ผ่านสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ ลักษณะเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกิน 3.5% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ และปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง เช่น แอร์ คอมเพรสเซอร์ ชิลเลอร์ เป็นต้น
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงพลังงาน จะเร่งสนับสนุนให้เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจห้องเย็น โรงน้ำแข็ง ที่มีอยู่รวมกันกว่า 2 พันแห่ง โดยเบื้องต้นกระทรวงพลังงานได้สำรวจแล้วเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานสูง และควรมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง ,กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในธุรกิจอื่นๆ ที่มีการใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีอายุเกิน 10 ปี รวมไปถึงกลุ่มอาคารก่อสร้างใหม่ (Building Code) เป็นต้น โดยจะได้นัดหารือกับผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายและธนาคารพาณิชย์ เพื่อทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานคาดว่าวงเงินกู้ Soft loan ครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดผลประหยัดประมาณ 4,404 ล้านบาท/ปี ตลอดระยะเวลาโครงการ หรือเกิดผลประหยัดพลังงานคิดเทียบเท่าการนำเข้าน้ำมันดิบ 213 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ (ktoe) ต่อปี หรือสามารถลดการนำเข้าน้ำมันดิบได้สูงถึง 247.6 ล้านลิตร
นายอารีพงศ์ กล่าวา เพื่อให้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประเทศ มีผลสัมฤทธิ์ยิ่งขึ้น และเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (peak) ในช่วงเดือนมี.ค.-กลางมิ.ย.59 กระทรวงพลังงานจึงได้เตรียมมาตรการเพื่อลดการใช้พลังงานผ่าน 2 หน่วยงานที่สำคัญจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) โดยมีมาตรการที่สำคัญ ๆ เช่น โครงการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด โครงการรวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ประหยัดชัวร์ โครงการประหยัดพลังงานในภาคขนส่ง โครงการอนุรักษ์พลังงานในโรงงาน/อาคารควบคุม และโครงการติดฉลากประสิทธิภาพพลังงาน เป็นต้น
นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า พพ.ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ราว 1 หมื่นล้านบาทในปีหน้า ซึ่งแบ่งเป็น วงเงิน 2,500 ล้านบาท ใช้ปรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศของหน่วยงานราชการที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 1.3 แสนเครื่องที่มีอายุเกิน 10 ปี โดยเมื่อปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนไปแล้ว 5 หมื่นเครื่อง เป็นเงิน 1,600 ล้านบาท ,วงเงิน Soft loan จำนวน 4,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการในช่วงปี 59-61
วงเงินให้เปล่าสำหรับ SME ขนาดเล็ก ราว 200-300 ล้านบาท เพื่อให้โรงงานหรืออาคารที่จะปรับเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน โดยในส่วนนี้เอกชนจะต้องลงทุนราว 70-80% ส่วนกองทุนฯจะให้การสนับสนุนราว 20-30% ตามแต่ขนาดของ SME ,วงเงินสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทจัดการพลังงาน(Energy Services Company :ESCO) และการจ้างที่ปรึกษาต่างๆ เป็นต้น โดยตามแผนอนุรักษ์พลังงานมีเป้าหมายลดความเข้มการใช้พลังงาน(Energy Intensity:EI) ต่อหน่วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 79 เป็น 30% เมื่อเทียบกับปี 53
ขณะที่นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสนพ. กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงต่างๆจัดทำแผนส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต โดยมีเป้าหมายจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 1.2 ล้านคันในปี 79 ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาถึงข้อกฎหมายและระเบียบ และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตด้วย
แต่สำหรับในส่วนรถยนต์ทั่วไปนั้น รัฐบาลได้ส่งเสริมให้เกิดการประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน ซึ่งตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไปไทยจะเริ่มใช้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งจะจัดเก้บตามอัตราการปล่อยมลพิษนั้น ประกอบกับจะมีการส่งเสริมการใช้รถประหยัดพลังงาน ด้วยการติดฉลาก"ECO Sticker" ทำให้แนวโน้มรถยนต์ในอนาคตจะมีขนาดเล็กลงจากปัจจุบันที่มีขนาดเฉลี่ย 1,800-2,000 ซีซี เนื่องจากรถขนาดเล็กและปล่อยมลพิษน้อย จะสามารถใช้เชื้อเพลิงที่เป็นพลังงานทดแทน อย่าง E85 ได้ โดยในปี 59 คาดว่าจะมีรถยนต์นั่งที่ติด ECO Sticker จำนวน 4 แสนคัน และรถกระบะ จำนวน 2 แสนคัน