โดยเรื่องนี้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2558 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแนวทางโครงการที่เกี่ยวกับมันสำปะหลัง 2 โครงการ คือ โครงการที่เกี่ยวกับการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด ซึ่งใช้เงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยให้เกษตรกรรายย่อยประมาณ 2 หมื่นราย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 230,000 บาท โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตรา FDR+1 ระยะเวลา 2 ปี
ส่วนอีกโครงการ คือ โครงการชะลอการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1 แสนราย วงเงินกู้ 50,000 บาทต่อรายใช้เงินทุนจาก ธ.ก.ส.เช่นกัน โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตรา FDR+1 เช่นกัน
ทั้งนี้ ในวันเดียวกันได้มีการเสนอขึ้นมาอีก 1 โครงการ คือ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในวันนั้น ครม.มีมติให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง กลับไปทบทวนโครงการใหม่ และได้นำกลับมาเสนอ ครม.อีกครั้งในวันนี้ ครม.จึงมีมติเห็นชอบ
"ของเดิมโครงการนี้ กำหนดระยเวลาที่รัฐจะชดเชยดอกเบี้ยให้เป็นเวลา 6 เดือน ครั้งนี้ให้ขยายเวลาชดเชยดอกเบี้ยเป็น 1 ปี เป้าหมายเดิมกำหนดเอาไว้ 5 แสนตัน ตอนนี้เพิ่มเป็น 1 ล้านตัน วงเงินที่ให้สินเชื่อเสนอไว้ 1,250 ล้านบาท วันนี้เสนอใหม่เป็น 2,500 ล้านบาท เพราะฉะนั้นวงเงินชดเชยดอกเบี้ยที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้ในอัตรา 3% หรือ 18.75 ล้านบาท เป็น 75 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาสมัครตั้งเดือนก.พ.-ก.ค.59 ระยะเวลาโครงการ คือ ก.พ.-ส.ค.60"
สาเหตุที่มีการจัดสรรโครงการสินเชื่อนี้ เนื่องจากมีการประมาณการว่าผลผลิตปี 58/59 อยู่ที่ 31 ล้านตันกว่าๆ ขณะที่ความต้องการใช้มีประมาณ 43 ล้านตัน และปัจจุบันผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 32% จึงเชื่อว่าผลผลิตที่เหลือจะออกมาในช่วงเวลาที่เหลือ ก็เกรงว่าราคาจะตก