ธอส.เล็งปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เอกชนหนุนโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ รองรับ Aging Society

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 26, 2016 11:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ธอส.จึงมีแนวคิดที่จะจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลในการให้ผู้สูงอายุมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดย ธอส.พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่จะร่วมดำเนินการจัดสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งในระหว่างนี้กำลังเตรียมพิจารณาเรื่องเงื่อนไข และหลักเกณฑ์ต่างๆ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการใน 6 เดือนจากนี้

ทั้งนี้ การจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยนี้ จะดำเนินการร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหากการเคหะแห่งชาติ (กคช.) มีโครงการในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ธอส.ก็พร้อมจะให้การสนับสนุนเช่นกัน

"เราตั้งใจจะสนับสนุนผู้ประกอบการในส่วนนี้ ให้มาทำบ้านเพื่อผู้สูงอายุที่ยากจน เพื่อให้คนกลุ่มนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดย ธอส.จะปล่อยดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราต่ำ เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาร่วมทำธุรกิจในเชิง CSR...เชื่อว่าดอกเบี้ยจะต่ำกว่าบ้านประชารัฐด้วย เราจะทำร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ส่วนการเคหะฯ ถ้ามีโครงการจะทำ เราก็พร้อมให้เงินสนับสนุน" นายสุรชัย กล่าว

อย่างไรก็ดี สำหรับตัวอย่างโครงการ Smart Community ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่น ที่ ธอส.เดินทางไปศึกษาดูงานนั้น เป็นการดำเนินโครงการของภาคเอกชนใช้เงินลงทุนกว่า 900 ล้านเยน เป็นการดำเนินธุรกิจในวัตถุประสงค์หลักคือสนับสนุนการดูแลุคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ และพัฒนาชุมชนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในรูปแบบของโครงการ Smart Community ที่ช่วยลดความวิตกกังวลของผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตในอนาคต และช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

โดยโครงการ Smart Community ที่ประเทศญี่ปุ่นนี้ถือเป็นชุมชนการดูแลผู้เกษียณอายุที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รูปแบบที่อยู่อาศัยเป็นลักษณะคอนโดมิเนียม มีการออกแบบและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สูงอายุเป็นหลัก รวมทั้งจัดให้มีการดูแลระยะยาว และบริการทางการแพทย์แก่ผู้สูงอายุที่พักอาศัยอยู่ในโครงการดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ โครงการจะยังมีสวนสุขภาพ ห้องออกกำลังกาย คลับเฮ้าส์ ห้องสันทนาการต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีกิจกรรมร่วมกัน โดยคุณสมบัติของผู้สูงอายุที่จะเข้ามาอยู่ในโครงการนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง หรือเกือบเหมือนปกติด้วยอุปกรณ์หรือเครื่องมือช่วยเหลือ และต้องมีความสามารถในการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรกเข้าเป็นสมาชิก และค่าใช้จ่ายรายเดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายแรกเข้าอยู่ที่ประมาณ 13 ล้านเยน และมีค่าใช้จ่ายรายเดือนอีกประมาณ 90,000 เยน

นายสุรชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ธอส.ยังมีแนวคิดจะจัดทำโครงการที่พักอาศัยสวัสดิการของข้าราชการทหาร และตำรวจชั้นผู้น้อยด้วยเช่นกัน โดยจะส่งเสริมการจัดสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการทหารทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจชั้นผู้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ซึ่ง ธอส.จะประสานงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ ในการปล่อยกู้ให้แก่ข้าราชการกลุ่มนี้ โดยธนาคารมีสภาพคล่องที่เพียงพอและพร้อมจะปล่อยกู้ให้ในส่วนนี้

"เราจะส่งเสริมให้หน่วยราชการทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ ปลูกอาคารที่พักอาศัยให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยบนที่ดินของทหาร ซึ่ง ธอส.ได้เตรียมงบประมาณไว้ส่วนหนึ่ง และจะได้ประสานกับปลัดกลาโหม ในเรื่องการกำหนดวิธีการ และเงื่อนไขหลักเกฑณ์ต่างๆ คาดว่าโครงการจะออกมาใน 3 เดือน" นายสุรชัย กล่าว

นายสุรชัย ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ธอส.ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อรูปแบบใหม่ที่มุ่งเน้นสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้มากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยของรัฐบาล 10 ปี (พ.ศ.2559-2568) ซึ่งตั้งเป้าหมายให้ผู้มีรายได้น้อยกว่า 2.7 ล้านครัวเรือน จากทั้งหมด 4.6 ล้านครัวเรือน ที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดย ธอส. ได้จัดทำ "มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง" ที่เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 วงเงินให้กู้ต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยให้ประชาชนได้รับวงเงินกู้ที่สูงขึ้นเพียงพอต่อการซื้อบ้าน ด้วยการใช้เงื่อนไขผ่อนปรนในการพิจารณาสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR) เพิ่มเป็น 40-50% ของรายได้สุทธิต่อเดือนล่าสุดมียอดยื่นกู้สะสมถึง 23,515 ล้านบาท ยอดอนุมัติสินเชื่อ 15,239 ราย คิดเป็นวงเงิน 21,107 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ ธอส.ร่วมจัดทำ "โครงการบ้านประชารัฐ" วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) วงเงิน 10,000 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) สำหรับประชาชนทั่วไป กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ให้กู้สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนรายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเปิดรับคำขอยื่นกู้ไปตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2559 ล่าสุด ณ วันที่ 20 เมษายน 2559 มีจำนวนลูกค้าติดต่อสอบถามและแจ้งความประสงค์ยื่นคำขอกู้รวมจำนวน 26,173 ราย คิดเป็นวงเงินกู้ 21,594 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นจำนวนลูกค้าที่ยื่นเอกสารประกอบคำขอกู้ครบเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของธนาคารแล้ว 1,903 ราย คิดเป็นวงเงิน 1,681 ล้านบาท และได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้วเป็นวงเงิน 413 ล้านบาท โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐ ยังสามารถเข้ามายื่นคำขอกู้ได้ตามปกติ เนื่องจาก ธอส. ยึดหลักการให้เงินกู้แก่ผู้ที่มีความพร้อมในการยื่นกู้และทำนิติกรรมสัญญาก่อน

โดยล่าสุด ครม. เมื่อวันอังคารที่ 19 เมษายน 2559 มีมติให้ ธอส. ร่วมสนับสนุนโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โดยการให้สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) วงเงินสินเชื่อประมาณ 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 2 ปี และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) วงเงินสินเชื่อประมาณ 2,500 ล้านบาท ให้กู้เพื่อให้ได้มีที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี ในปีแรก ซึ่งธนาคารพร้อมดำเนินการทันทีที่กรมธนารักษ์สามารถจัดทำที่อยู่อาศัยทั้งเพื่อการเช่าระยะสั้น (Rental) ไม่เกิน 5 ปี และโครงการเช่าระยะยาว (Leasehold)ไม่เกิน 30 ปีได้เรียบร้อยแล้ว

นายสุรชัย กล่าวด้วยว่า จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนักและอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าของธนาคารในแง่ของความสามารถในการชำระเงินด้วยนั้น ธอส.จะพยายามบริหารจัดการในส่วนของหนี้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพิ่มประสิทธิภาพในการจำหน่ายหนี้ การติดตามหนี้ โดยมีเป้าหมายจะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในสิ้นปีนี้ลงให้ได้น้อยกว่าในปี 58 ซึ่งมี NPL อยู่ที่ระดับ 5.45%

*ธอส.โชว์กำไรไตรมาสแรกปีนี้ 2.5 พันล้านบาท ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่ม 19.20%

ด้านนางไลวรรณ ปองเสงี่ยม รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธอส. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 /2559 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 ว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในไตรมาสที่ 1/2559 ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 37,723 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปี 2558 ถึง 19.20% มีกำไรสุทธิ 2,568 ล้านบาท ด้านสินเชื่อคงค้างเมื่อเทียบกับปี 2558 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 878,367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.80% สินทรัพย์รวม 939,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.38% เงินฝากรวม 765,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.39% โดยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 49,992 ล้านบาท คิดเป็น 5.69% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ณ สิ้นปี 2558 ซึ่ง NPL อยู่ที่ 5.45% ของสินเชื่อรวม อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 16.43% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

"สาเหตุสำคัญที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ในไตรมาสแรกขยายตัวได้ถึง 19.20% เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัย เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชน จึงได้จัดทำมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการบ้านประชารัฐ การลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการ จดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 เมษายน 2559 ส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง เนื่องจากผู้ประกอบการต่างจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่กระตุ้นให้ประชาชนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย และมั่นใจว่า ธอส. จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีนี้ได้ตามเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ 165,319 ล้านบาท" นางไลวรรณ กล่าว

รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธอส.ยืนยันว่า จากสถานะที่แข็งแกร่งของธนาคารในปัจจุบัน ทำให้ยังมีความพร้อมในการสนับสนุนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติม และขณะเดียวกันในเร็วๆ นี้ ธนาคารยังเตรียมเปิดตัวโครงการ "คลินิก ธอส. เพื่อบ้าน เพื่อประชาชน" ที่จะจัดทำขึ้นเพื่อให้คำแนะนำวิธีการเตรียมความพร้อมแก่ผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางการตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ด้านที่อยู่อาศัยของธนาคารอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ