สศค.เผยเศรษฐกิจ Q1/59 ฟื้นค่อยเป็นค่อยไปมาตรการรัฐ-ท่องเที่ยวหนุน การลงทุนมีสัญญาณดีขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 28, 2016 15:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะขยายตัว 3% โดยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/58 แต่หากจะให้อัตราการขยายตัวทั้งปีเติบโตได้ถึง 3.3% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ล่าสุด ในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็จะต้องผลักดันให้ศรษฐกิจขยายตัวมากกว่า 3%

นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล รองผู้อำนวยการ สศค. แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน มี.ค.59 และไตรมาส 1/59 ว่า เศรษฐกิจไทยสะท้อนภาพรวมการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่การลงทุนเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าของไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ลดลง และกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชนให้ชะลอลง

ทั้งนี้ ในเดือน มี.ค.59 การบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอตัว สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่กลับมาหดตัวที่ -1.6% ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่าขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.8% หลังปรับผลทางฤดูกาล ทำให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในไตรมาส 1/59 ขยายตัวเพียง 0.1% ต่อปี แต่เมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าหดตัว -1.0% ต่อไตรมาส สำหรับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์หดตัว -9.4% ต่อปี แต่ขยายตัว 17.2% ต่อเดือนหลังปรับผลทางฤดูกาลออก ทำให้ไตรมาส 1/59 หดตัว -3.3% ต่อปี แต่ยังขยายตัว 3.6% ต่อไตรมาสหลังปรับผลทางฤดูกาลออก

ด้านปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือน มี.ค.59 กลับมาขยายตัวที่ 18.5% ต่อปี ทำให้ในไตรมาส 1/59 ขยายตัว 3.6% ต่อปี และยังขยายตัวที่ 7.8% ต่อไตรมาสหลังปรับผลทางฤดูกาล ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงยังคงหดตัว -5.2% ต่อปี ทำให้ในไตรมาส 1/59 หดตัว -7.1% ต่อปี

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมในเดือน มี.ค.59 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยอยู่ที่ระดับ 63.5 เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยยังไม่ฟื้นตัว กอปรกับราคาสินค้าเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ

การลงทุนภาคเอกชนในเดือน มี.ค.59 และในไตรมาส 1/59 มีสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวต่อเนื่องที่ 11.9% ต่อปี และยังขยายตัวเช่นกันเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 5.2 ต่อเดือนหลังปรับผลทางฤดูกาล ทำให้ไตรมาส 1/59 ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 4.5% ต่อปี

นอกจากนี้ ในเดือน มี.ค.59 ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ขยายตัว 3.4% ต่อปี แต่เมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าหดตัวเล็กน้อยที่ -0.3% ต่อเดือน และไตรมาส 1/59 พบว่าปริมาณขยายตัว 3.1% ต่อปี และขยายตัว 1.8% ต่อไตรมาสหลังปรับผลทางฤดูกาล สำหรับการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนกลับมาขยายตัวที่ 6.5% ต่อปีในเดือน มี.ค.59 แต่หดตัวเล็กน้อยในไตรมาส 1/59 ที่ -1.0% ต่อปี อย่างไรก็ดี เมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าปริมาณนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวได้ 0.5% ต่อไตรมาส

สถานการณ์ด้านการคลังในเดือนมี.ค.59 และไตรมาส 1/59 (ไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2559) สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายของรัฐบาลจากการเร่งรัดการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวในระดับสูง สะท้อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือน มี.ค.59 สามารถเบิกจ่ายได้จำนวน 259.4 พันล้านบาท ขยายตัว 3.2% ต่อปี แต่การเบิกจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันหดตัว -1.7% ต่อปี มาจาก (1) รายจ่ายประจำที่หดตัว -5.7% ต่อปี ขณะที่ (2) รายจ่ายลงทุนขยายตัวสูงถึง 18.5% ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 1/59 รายจ่ายรวมสามารถเบิกจ่ายได้ทั้งสิ้น 680.0 พันล้านบาท ขยายตัว 10.1% ต่อปี

ด้านการจัดเก็บรายได้รัฐบาล รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ขยายตัว 15.1% ต่อปี ทำให้ในไตรมาส 1/59 เก็บรายได้สุทธิขยายตัว 4.5% ต่อปี ขณะที่ดุลเงินงบประมาณขาดดุลจำนวน -77.8 พันล้านบาท ทำให้ไตรมาส 1/59 ดุลงบประมาณขาดดุลจำนวน -204.8 พันล้านบาท

ขณะที่อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวอยู่ที่ 1.3% ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าหดตัว -9.0% ต่อเดือน โดยมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีมาจากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ และทองคำ รวมถึงการส่งออกสินค้าในหมวดรถยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องจักร ที่กลับมาขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตลาดที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ อาเซียน-5 และทวีปออสเตรเลีย ทำให้ในไตรมาส 1/มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 0.9% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก พบว่า ขยายตัว 2.9% ต่อไตรมาส

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานได้รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 15.4% ต่อปี และขยายตัว 1.2% ต่อเดือนหลังปรับผลทางฤดูกาล เป็นการขยายตัวในนักท่องเที่ยวเกือบทุกกลุ่มภูมิภาค ทำให้ไตรมาส 1/59 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัว 15.5% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวเช่นกันที่ 14.8% ต่อไตรมาส

ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรหดตัวที่ -3.5% ต่อปี โดยเป็นการหดตัวของผลผลิตข้าวเปลือก ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด เป็นสำคัญ ทำให้ในไตรมาส 1/59 ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรหดตัว -1.9% ต่อปี แต่ยังขยายตัว 3.3% ต่อไตรมาสหลังปรับทางฤดูกาลออก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม (TISI) อยู่ที่ระดับ 86.7 ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนภาครัฐเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้างมียอดคำสั่งซื้อและยอดขายเพิ่มขึ้น

เสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพต่างประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.5% ต่อปี เนื่องจากราคาน้ำมันเริ่มมีการปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าประเภทยาสูบยังคงมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มค่าแสตมป์ยาสูบเมื่อเดือน ก.พ.59 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.8% ต่อปี ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาส 1/59 หดตัว -0.5% และขยายตัว 0.7% ต่อปี ตามลำดับ

อัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นผู้ว่างงาน 3.97 แสนคน ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 อยู่ที่ระดับ 44.1% ถือว่ายังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60.0%

สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน มี.ค.59 อยู่ที่ระดับ 175.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 3.3 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ